“โลตัส” (Lotus’s) เตรียมออกหุ้นกู้ 4 ชุด เสนอขายประชาชนทั่วไปช่วงเดือน เม.ย. 2567 ชูอันดับความน่าเชื่อถือ ‘A+’ แนวโน้ม ‘บวก’ สะท้อนความแข็งแกร่งธุรกิจค้าปลีก
“โลตัส” (Lotus’s) ผู้นำธุรกิจค้าปลีกในประเทศไทย ดำเนินงานภายใต้ชื่อจดทะเบียน บริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด เตรียมเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปจองซื้อหุ้นกู้ “โลตัส” (Lotus’s) จำนวน 4 ชุด ที่คาดว่าจะเสนอขายในช่วงเดือนเมษายน 2567 เผยองค์กรและหุ้นกู้ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ “A+” แนวโน้ม “บวก” (Positive) จากทริสเรทติ้ง เมื่อวันที่29 กุมภาพันธ์ 2567 โดยแต่งตั้งสถาบันการเงินชั้นนำเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้จำนวน 6 แห่ง และ TrueMoney Wallet มั่นใจได้รับการตอบรับจากผู้ลงทุนที่แสวงหาโอกาสในการลงทุนในกิจการที่มีความแข็งแกร่งทางการเงิน และมีศักยภาพในการเติบโตทางธุรกิจในระยะยาว เผยการควบบริษัทกับ “ซีพี แอ็กซ์ตร้า” ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 4 ของปีนี้ เป็นการปรับโครงสร้างธุรกิจภายในกลุ่มบริษัทฯ นำศักยภาพของทั้ง 2 แบรนด์มาสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวก เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการกิจการ และความแข็งแกร่งทั้งการดำเนินธุรกิจและฐานะการเงิน ส่งผลให้ผู้ลงทุนในหุ้นกู้ของบริษัทฯ มีความมั่นคงเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
บริษัท เอก–ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด (“บริษัทฯ” หรือ “Lotus’s”) ผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำขนาดใหญ่และบริหารพื้นที่เช่าในศูนย์การค้าในประเทศไทย ภายใต้แบรนด์ “โลตัส” (Lotus’s) ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อขอออกและเสนอขายหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้จำนวน 4 ชุด ประกอบด้วย ชุดที่ 1 อายุ 1 ปี 5 เดือน 25 วัน ชุดที่ 2 อายุ 3 ปี 5 เดือน 25 วัน ชุดที่ 3 อายุ 4 ปี 5 เดือน 25 วัน และ ชุดที่ 4 อายุ 7 ปี 5 เดือน 25 วัน โดยจะประกาศอัตราดอกเบี้ยในภายหลัง ทั้งนี้ จะเสนอขายให้กับผู้ลงทุนประชาชนทั่วไป ผ่านสถาบันการเงินที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ 6 แห่ง ประกอบด้วย ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงไทย จำกัด(มหาชน) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จํากัด (มหาชน) รวมถึงการเสนอขายผ่านแอปพลิเคชัน TrueMoney Wallet โดยคาดว่าจะเสนอขายในเดือนเมษายน 2567
หุ้นกู้ทั้ง 4 ชุดดังกล่าวได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ณ วันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ระดับ “A+” เช่นเดียวกับอันดับเครดิตองค์กรของบริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “บวก” (Positive) สะท้อนสถานะความเป็นผู้นำในธุรกิจร้านค้าปลีกแบบ omni-channel ที่มีช่องทางจัดจำหน่ายที่ครอบคลุมและหลายหลาย ทั้งออฟไลน์และออนไลน์ โดยทริสเรทติ้งระบุว่า ขีดความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจของบริษัทฯ ยังมีปัจจัยเสริมความแข็งแกร่งจากการมีพื้นที่เช่าในทำเลที่ดีและลักษณะของธุรกิจค้าปลีกที่สร้างกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน โดยคาดว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ทั้งในธุรกิจค้าปลีกและพื้นที่ให้เช่าจะเติบโตต่อเนื่องตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มดีขึ้น อีกทั้งมองว่าธุรกรรมการควบบริษัทระหว่างโลตัสและบริษัท ซีพีแอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) ไม่ส่งผลกระทบต่อการประเมินสถานะอันดับเครดิต และสถานะทางการเงินของกลุ่มบริษัท โดยการผนึกกำลังของทั้งสองบริษัท ซึ่งครอบคลุมธุรกิจค้าส่งและค้าปลีก จะช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขันทั้งในประเทศ ด้วยการเพิ่มความสามารถในการตอบสนองความต้องการของลูกค้า รวมถึงเพิ่มความคล่องตัวในการดำเนินงานจากการลดความซับซ้อนของโครงสร้างการถือหุ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากร อีกทั้งจะช่วยส่งเสริมการสร้างมูลค่าเพิ่มจากการผนึกกำลังทางธุรกิจ (Synergy) และสร้างโอกาสเติบโตของกลุ่มบริษัทฯ ในอนาคต
นายสมพงษ์ รุ่งนิรัติศัย ประธานคณะผู้บริหาร ธุรกิจโลตัส ประเทศไทย เปิดเผยว่า การออกและเสนอขายหุ้นกู้ของบริษัทฯ ในครั้งนี้ คาดว่าจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีเหมือนกับครั้งที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นโอกาสที่ดีของผู้ลงทุนที่จะได้ลงทุนในหุ้นกู้ที่ออกโดยบริษัทฯ ที่มีโอกาสเติบโตอย่างมีศักยภาพในอุตสาหกรรมค้าปลีก และมีแนวโน้มขยายตัวอย่างแข็งแกร่งในอนาคต โดยผลประกอบการในปี 2566 บริษัทฯ มีรายได้รวม 186,823 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ซึ่งมีรายได้รวม 183,792 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.6% สะท้อนสัญญาณในทิศทางบวกจากการฟื้นตัวกลับมาของธุรกิจ ซึ่งเป็นผลจากการที่ประชาชนมีความต้องการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มมากขึ้น
ปัจจุบัน บริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด ผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำ และบริหารพื้นที่เช่าในศูนย์การค้าในประเทศไทย ภายใต้แบรนด์ “โลตัส” (Lotus’s) ถือเป็นผู้นำในธุรกิจค้าปลีกแบบ omni-channel ที่มีช่องทางจัดจำหน่ายหลายรูปแบบโดย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 “โลตัส” (Lotus’s) มีร้านค้าปลีกจำนวน 2,454 แห่งทั่วประเทศ ประกอบด้วยร้านไฮเปอร์มาร์เก็ต 226 แห่ง ซูเปอร์มาร์เก็ต 178 แห่ง และมินิซูเปอร์มาร์เก็ต 2,050 แห่ง ซึ่งธุรกิจในประเทศไทยได้รับการสนับสนุนจากระบบห่วงโซ่อุปทาน(Supply Chain) ที่แข็งแกร่ง ตลอดจนระบบการกระจายสินค้าและเครือข่ายด้านโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเร่งการเติบโตของยอดขายผ่านช่องทางออนไลน์ โดยใช้ประโยชน์จากเครือข่ายร้านค้าทั่วประเทศในการเป็น fulfillment center จัดส่งสินค้าทั่วประเทศไทยได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งยังร่วมมือกับธุรกิจแพลตฟอร์มออนไลน์ (Online Marketplace) อาทิ Grab, Shopee และ Lazada เพื่อเพิ่มจุดจำหน่ายสินค้าให้กับผู้บริโภค ตลอดจนการเปิดตัว Lotus’s Privé (โลตัส พรีเว่) พรีเมียมไฮเปอร์มาร์เก็ต สาขาแรก รวมถึง Lotus’s Pick & Go ร้านค้าอัจฉริยะไร้พนักงาน และ Lotus’s Eatery ซึ่งสะท้อนการปรับตัวของ “โลตัส” (Lotus’s) เพื่อส่งมอบบริการที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ ควบคู่การใช้เทคโนโลยีเพิ่มความสะดวกสบายให้ลูกค้า
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเป็นผู้นำในธุรกิจบริหารพื้นที่เช่าในศูนย์การค้า โดยมีพื้นที่เช่าในศูนย์การค้า 203 แห่ง (ไม่รวมศูนย์การค้าที่มีการลงทุนโดยกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าโลตัสส์ รีเทล โกรท หรือ LPF จำนวน 23 แห่ง) มีพื้นที่ให้เช่าสุทธิถาวรรวมประมาณ 774,116 ตร.ม. ตารางเมตร โดยมีร้านไฮเปอร์มาร์เก็ตของ “โลตัส” (Lotus’s) เป็นร้านค้าหลัก โดยในจำนวนศูนย์การค้าทั้งหมด บริษัทฯ ถือกรรมสิทธิ์ (Freehold) ในที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่เป็นที่ตั้งของศูนย์การค้าจำนวน 63 แห่ง ขณะที่อัตราการเช่าพื้นที่ (Occupancy Rate) ของศูนย์การค้าอยู่ที่ประมาณ 93.5% และบริษัทฯ ถือหน่วยลงทุน 25% ในกองทุนรวม LPF ที่ลงทุนในศูนย์การค้า 23แห่งทั่วประเทศ ซึ่งมีพื้นที่ให้เช่าสุทธิถาวรรวมประมาณ 339,571 ตร.ม.
ประธานคณะผู้บริหาร ธุรกิจโลตัส ประเทศไทย กล่าวด้วยว่า การควบบริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด (โลตัส) กับ บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) ที่อยู่ระหว่างดำเนินการนั้น จะเป็นการปรับโครงสร้างธุรกิจภายในกลุ่มบริษัทฯ เพื่อให้มีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ทั้งในเชิงของการดำเนินธุรกิจและฐานะทางการเงิน โดยจะสามารถบริหารทรัพยากรต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นการขยายการสนับสนุนเกษตรกรท้องถิ่น ผู้ผลิตรายย่อย และธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในประเทศ อีกด้วย ดังนั้น ผู้ถือหุ้นกู้ “โลตัส” สามารถมั่นใจได้ว่า ท่านยังคงเป็นผู้ถือหุ้นกู้ของกิจการที่มีความมั่นคง และเติบโตอย่างยั่งยืน โดยคาดว่ากระบวนปรับโครงสร้างธุรกิจจะแล้วเสร็จภายในไตรมาสที่ 4 ของปี 2567
“โลตัส (Lotus’s) มุ่งยกระดับธุรกิจค้าปลีกสู่ SMART Community Center ศูนย์รวมการใช้ชีวิตแบบสมาร์ทของคนทุกวัยในชุมชน โดยมีรูปแบบดีไซน์สาขา สินค้าและบริการ ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันของคนในแต่ละพื้นที่ เพื่อให้ลูกค้า “รู้สึกดีดีทุกวัน ที่โลตัส”พร้อมกันนี้ เรายังมีแผนการที่จะขยายสาขาให้ครอบคลุมพื้นที่ เพื่อให้ร้านค้าของ “โลตัส” (Lotus’s) สามารถเข้าถึงและให้บริการผู้บริโภคได้มากขึ้น พร้อมทั้งเร่งการจำหน่ายสินค้าออนไลน์โดยได้พัฒนาแอพพลิเคชั่น Lotus’s Smart app ให้ลูกค้าเลือกซื้อสินค้าแบบออนไลน์ โดยใช้สาขาของไฮเปอร์มาร์เก็ตและโลตัส โก เฟรช ทั่วประเทศ 2,454 สาขาเป็นจุดกระจายสินค้า ที่สามารถส่งสินค้าตรงถึงมือลูกค้าได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพขึ้น เรายังให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน บนหลักธรรมาภิบาล ความโปร่งใสตรวจสอบได้ ตลอดจนความรับผิดชอบต่อประเทศชาติ สังคม และส่วนรวม ที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ลงทุนในหุ้นกู้ของบริษัทฯ” นายสมพงษ์กล่าวเพิ่มเติม
ปัจจุบัน บริษัทฯ อยู่ระหว่างการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวนซึ่งยังไม่มีผลใช้บังคับ สำหรับผู้ลงทุนประชาชนทั่วไปที่สนใจจองซื้อหุ้นกู้ Lotus’s โปรดระมัดระวังการหลอกหลวงจากมิจฉาชีพที่จะนำเสนอผลตอบแทนที่สูงเกินจริง โดยเฉพาะช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆ เช่น Facebook และแอปพลิเคชั่น Line เป็นต้น โดยสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.sec.or.th หรือติดต่อผ่านผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ ดังต่อไปนี้
- ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (ยกเว้นสาขาไมโคร) โทร. 1333 (โดยบุคคลธรรมดาสามารถจองซื้อทางออนไลน์ผ่านแอปBangkok Bank Mobile Banking ได้อีก 1 ช่องทาง)
- ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โทร 0-2111-1111 (โดยบุคคลธรรมดาสามารถจองซื้อทางออนไลน์ผ่านแอป Krungthai Next ได้อีก1 ช่องทาง)
- ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) โทร. 1572
- ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)* โทร. 02-888-8888 กด 819 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่านhttps://www.kasikornbank.com/kmyinvest (ยกเว้นบุคคลสัญชาติต่างด้าว และนิติบุคคล สามารถจองซื้อผ่านสำนักงานใหญ่และสาขา)
- ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)** โทร. 02-777-6784 (โดยบุคคลธรรมดาสามารถจองซื้อทางออนไลน์ผ่านแอป SCB EASY ได้อีก 1 ช่องทาง)
- บริษัทหลักทรัพย์เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน)*** โทร. 02-165-5555 (โดยบุคคลธรรมดาสามารถจองซื้อทางออนไลน์ผ่านแอปDime! ได้อีก 1 ช่องทาง)
* ซึ่งรวมถึง บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะหน่วยงานขายของธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
** ซึ่งรวมถึงบริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ในฐานะหน่วยงานขายของธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
*** ซึ่งรวมถึงธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) ในฐานะหน่วยงานขายของธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด ( (มหาชน