เงินเฟ้อสหรัฐฯ สูงกว่าคาดเล็กน้อย แต่ไม่เปลี่ยนมุมมองดอกเบี้ย
Market Update
ตลาดหุ้น Dow Jones คืนเมื่อคืนปิดบวก 0.6% แต่ S&P500 ปิดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากสหรัฐฯรายงานเงินเฟ้อใกล้เคียงกับนักวิเคราะห์ประเมิน และไม่ได้เปลี่ยนมุมมองต่อดอกเบี้ยมากนัก ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดลบ 0.35% หลังจาก EIA ปรับเพิ่มคาดการณ์ปริมาณการผลิตน้ำมันในสหรัฐฯ
Market Outlook
เมื่อคืนที่ผ่านมาสหรัฐฯ รายงานเงินเฟ้อประจำเดือน ก.พ. ขยายตัว 3.2%YoY, 0.4%MoM สูงกว่า Bloomberg Consensus คาดไว้ที่ 3.1%YoY หลักๆ เป็นเพราะราคาพลังงาน (+2.3%MoM) ราคาน้ำมันเบนชิน (+3.8%MoM) ราคาแก๊ส (+2.3%MoM) ราคารถมือสองและรถบรรทุก (+0.5%MoM) ค่าขนส่ง (+1.4%MoM) ภายหลังจากทราบข้อมูลข้างต้นพบว่า US Bond Yield ปรับขึ้นทั้งรุ่นอายุ 2, 10 ปี พร้อมกับ Dollar Index ปรับขึ้นมาแข็งค่า ซึ่ง CME FED Watch ก็ยังคงน้ำหนักสูง ที่ 99% สำหรับการคงดอกเบี้ยของ FED ในการประชุมเดือน มี.ค. และ 84.4% ที่ FED จะคงดอกเบี้ยในการประชุมเดือน พ.ค. แต่ยังคงมุมมองที่จะปรับลดดอกเบี้ยในเดือน มิ.ย. สำหรับเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่รายงานมาสูงกว่าคาดการณ์แต่นักลงทุนในตลาดหุ้นไม่ได้กังวลมากนักอาจเป็นเพราะว่าสาเหตุหลักมาจากราคาน้ำมัน ซึ่งปัจจุบันราคาน้ำมันในเดือน มี.ค. เคลื่อนไหวในกรอบเพียง 80 – 83 $/ BBL โดยคิดเป็นการขยายตัว (ค่าเฉลี่ย) เทียบกับ ก.พ. เพียง 1.2% MoM ซึ่งมิได้เป็นการขยายตัวที่สูงมาก หากราคาน้ำมัน BRT ทั้งเดือน มี.ค. เคลื่อนไหวในช่วงนี้ก็จะทำให้การขยายตัวของเงินเฟ้อจากราคาพลังงานไม่ได้น่ากังวลมากนัก ด้านปัจจัยในประเทศวานนี้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารายงานตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วง 1 ม.ค. – 10 มี.ค. ที่ 7.4 ล้านราย (+47%YoY) และ 10 วันแรกของเดือน มี.ค. อยู่ที่ 1 ล้านราย ในช่วง YTD เฉลี่ยนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยวันละ 1.06 แสนราย ซึ่งทำให้ปลายปีอาจมีนักท่องเที่ยวทั้งหมด 38.7 ล้านราย อย่างไรก็ตามจะมีบางช่วงที่เป็น Low Season ซึ่งเฉลี่ยต่อวันอาจไม่ถึง 1.06 แสนราย แต่ก็เชื่อว่าจะเกินกว่าเป้าหมายธนาคารแห่งประเทศไทยที่ 34.5 ล้านราย มองหุ้นในกลุ่มท่องเที่ยว (AOT CENTEL ERW MINT) และค้าปลีก (BJC CPALL CPAXT) รับผลบวกและเชื่อว่าการท่องเที่ยวจากต่างชาติยังเป็นแรงหนุนทั้งปี 24 โดยคืนนี้รอติดตามสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 0.9 ล้านบาร์เรล
วันนี้ประเมิน SET INDEX แกว่งขึ้นในกรอบ 1380 – 1390 รับปัจจัยบวกจากการแกว่งบวกของตลาดหุ้นญี่ปุ่น (+0.78%) ณ ช่วงเช้าของประเทศไทย เชิงกลยุทธ์ลงทุน ยังแนะทยอยสะสมเช่นเดิมด้วยระดับ Valuation ที่น่าสนใจพร้อมกับปัจจัยพื้นฐานเป็นบวกแนะนำกลุ่มท่องเที่ยว (AOT CENTEL ERW MINT) ค้าปลีก (BJC CRC CPALL HMPRO) ศูนย์การค้า (CPN) ธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK KTB SCB) การเงิน (MTC SAWAD TIDLOR) เครื่องดื่ม (TACC)
หุ้นแนะนำซื้อวันนี้
AOT (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 74.00 บาท)
แนวโน้มในช่วง FY2024 คาดว่าผลประกอบการจะเห็นการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง จากผลดีของการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวเห็นได้จากตัวเลขนักท่องเที่ยวในเดือน ม.ค. ที่สูงถึง 3 ล้านคน ขณะที่เดือน ก.พ. มีโอกาสจะสูงได้อีกเพราะเป็นเทศกาลตรุษจีน รวมถึงในเดือน มี.ค. ที่จะเริ่มใช้มาตรการฟรีวีซ่าประเทศจีน ซึ่งจะทำให้นักท่องเที่ยวมีการเดินทางเพิ่มขึ้นได้ โดยเบื้องต้นเรายังคงประมาณการเดิมที่คาดกำไรสุทธิในปี FY24 ที่ 23,716 ล้านบาท (+170%YoY) ไว้เท่าเดิม
ILM (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 28.00 บาท)
กำไรสุทธิ 4Q23 ทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 197 ล้านบาท (+7%YoY, +2%QoQ) หนุนจากคาดการณ์การเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ที่เป็นบวก 9% เทียบกับบริษัทอื่นๆในกลุ่มที่ -8% ถึง -12% ในช่วง 4Q23 บวกกับ ปัจจัยฤดูกาลเพราะโดยปกติแล้วไตรมาสที่ 4 จะเป็นช่วงที่มียอดขายสูงสุดของปี ขณะที่ SSSG เดือนม.ค.2024 อยู่ที่ราว +8% รับปัจจัยบวกจากมาตรการ Easy E-Receipt ของรัฐบาลในช่วง 1 ม.ค. 2024 – 15 ก.พ. 2024