บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):
BLUEBIK GROUP ตัวเลือก Digital Transformation ที่เราชอบที่สุด
Action
BUY (Maintain)
TP upside (downside) +15.9%
Close Oct 18, 2021 Price (THB) 34.50
12M Target (THB) 40.00
Previous Target (THB) 23.00
What’s new?
- คาดกำไรปกติ 3Q64 ที่ 13.8 ล้านบาท (-23.3%QoQ, +125.7%YoY) กำไร 9M64 คิดเป็น 72% ของประมาณการกำไรทั้งปี 2564
- BBIK ปิดงานได้ราว 200 ล้านบาทใน 3Q64
- เราปรับเพิ่มประมาณการปี 2565 ขึ้น 12% เป็น 100 ล้านบาท จากการปรับเพิ่มการเติบโตของรายได้กลุ่ม Digital บน Backlogs ที่แข็งแกร่ง
Our view
- ปรับเพิ่มมูลค่าพื้นฐาน ณ สิ้นปี 2565 เป็น 40.00 บาทต่อหุ้น อิง PER ที่ 40.0x สูงกว่าค่าเฉลี่ยของ PEER ที่ 32.6x เพื่อให้สะท้อนการเติบโตในปี 2565-2566 ที่เกินกว่า 40%YoY และดีกว่ากลุ่ม
- เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” บริษัทฯ ยังเติบโตได้อีกมากบนจุดเด่นของ Business Model และคุณภาพทีมงานที่โดดเด่น ดังนั้นของดีคุณภาพสูงแม้แพงหน่อยก็ต้องยอมจ่าย
เด่นที่คุณภาพของทีมงานและ Business Model
หุ้น ICT ขนาดเล็กในตลาดหุ้นไทยกำลังจะเปลี่ยนจากหุ้น Old Economies หรือธุรกิจรับเหมาที่อาศัยสายสัมพันธ์และความสามารถในการส่งมอบตามที่ได้รับมอบหมายได้ด้วยต้นทุนที่ต่ำไปสู่ Business Model ในรูปแบบของ New Economies ในยุค Digital ที่แข่งขันด้วยคุณภาพของทีมงาน การนำเสนอมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจของลูกค้าผ่าน Business model รูปแบบใหม่ และการพัฒนา Platform ในระยะยาว
บนกระแส Digital Transformation ที่กำลังเกิดขึ้น BBIK มีความโดดเด่นเนื่องจาก 1) ทีมงานของ BBIK เป็นทีมงานคุณภาพ ทํางานระดับ Management Consultant ในรูปแบบของการกำหนดกลยุทธ์ระดับสูงสุดให้กับองค์กร ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหนจะมาทำก็ทำได้ 2) ความเชี่ยวชาญในการพัฒนา Business Model ใหม่ๆ ให้กับลูกค้าในรูปแบบของ Digital Platform และ 3) การไม่ผูกติดกับ Vendor รายใด ทำให้โอกาสเติบโตเปิดกว้างเทียบกับผู้เล่นอื่นๆ ในอุตสาหกรรมที่อาจมีความชำนาญเฉพาะทาง
คาดผลประกอบการ 3Q64 เติบโตแรง YoY แม้เผชิญ COVID19
คาดผลประกอบการ 3Q64 ที่ 13.8 ล้านบาท (-23.3%QoQ, +125.7%YoY) จาก 1) คาดรายได้ 61.7 ล้านบาท (-20.0%QoQ, +90.1% YoY) รายได้ที่ลดลง QoQ ตาม Project base ที่รับรู้ลดลง จากการปิดบางโครงการที่ล่าช้า ส่วนหนึ่งเพราะการระบาดที่รุนแรงของ COVID-19 แต่โตแรง YoY ตาม Backlogs ที่แข็งแกร่ง 2) คาดอัตรากำไรขั้นต้นที่ 62.5% (+223.bps QoQ, -1,020 bps YoY) อัตรากำไรที่เพิ่มขึ้น QoQ คาดกลับภาวะปกติหลัง 2Q64 ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต และ 3) คาด SG&A ที่ 21.6 ล้านบาท (-10.3%QoQ, +37.2% YoY) หากกำไรออกมาตามคาด กำไร 9M64 จะคิดเป็น 72% ของประมาณการทั้งปี 2564 เราคงประมาณการปี 2564 ที่กำไรปกติ 62 ล้านบาท (+40.2% YoY)
แนวโน้มระยะยาวสดใส / ปรับเพิ่มประมาณการปี 2565 และการเติบโตระยะยาว
พัฒนาการสำคัญของ BBIK ใน 3Q64 อยู่ที่การชนะงานเพิ่มเติมราว 200 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเป็นงานขนาดใหญ่ที่เกี่ยวข้องด้าน Data Analytics มูลค่างานดังกล่าวมีนัยสำคัญมาก หากเทียบกับ Backlogs ณ สิ้น 2Q64 เพียง 161 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัท ฯ Orbit (BBIK Partnership กับ PTTOR โดย BBIK ถือหุ้น 60%) เริ่มมีรายได้จากการให้บริการกับกลุ่ม OR แล้วเราคาดมีรายได้ราว 20 ล้านภายในปี 2564 และมีโอกาสที่จะเติบโตใหญ่ในลำดับถัดไป ขณะที่บริษัท ฯ ยังได้เงินสดจาก IPO ไปราว 450 ล้านบาท ซึ่งจะถูกนำไปใช้ในการว่าจ้างทีมงานคุณภาพที่เข้ามาพร้อมกับรายได้ส่วนเพิ่ม และการเข้าซื้อกิจการขนาดเล็กเพื่อต่อยอดธุรกิจในส่วนที่ BBIK ยังขาดอยู่ ทำให้ภาพรวมการเติบโตของกลุ่มที่ระดับ 35%-40% ต่อปี ในช่วง 2-3 ปีจากนี้เป็นไปได้
เราปรับเพิ่มกำไรปกติปี 2565 ขึ้นเป็น 100 ล้านบาท (+62.5%YoY) และปี 2566 ขึ้นเป็น 143 ล้านบาท (+42.6% YoY) จากการปรับเพิ่มสมมติฐานการเติบโตของรายได้ปี 2555/56 เป็น 40%YoY และ 33%YoY ตามลำดับ เทียบกับระดับ 25%YoY ก่อนหน้า เพื่อให้สะท้อน Backlogs และฐานทุนที่แข็งแกร่งขึ้น
ปรับเพิ่มมูลค่าเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 ขึ้นเป็น 40.00 บาทต่อหุ้ นอิง PER 40x
นอกจากนี้เราปรับเพิ่ม PE-Band ที่ใช้สําหรับซื้อ ขาย BBIK จาก 25.9 เท่าขึ้นเป็น 40 เท่า หรือให้สูงกว่า PEER ที่ใกล้เคียงกันในตลาดหุ้นไทยอย่าง BE8, SECURE, IIG ค่าเฉลี่ย 32.6x เนื่องจากเราเชื่อว่า Business Model และคุณภาพของทีมงานที่ดีจะหนุนให้ BBIK เติบโตได้ดีกว่ากลุ่ม
ผลของการปรับเพิ่ม PER และประมาณการกำไรทำให้ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 ของเราปรับเพิ่มขึ้นเป็น 40.00 บาทต่อหุ้น ซึ่ง PER 40x เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” แม้เราให้ BBIK ซื้อขายสูง แต่จากการเติบโตในปี 2560-2566 ที่เราคาดโต 63%YoY และ 43%YoY ไม่รวมโอกาสซื้อกิจการอื่นเพิ่มเติม ทำให้เรามอง BBIK เป็นหุ้น Tech แถวหน้าของเมืองไทยที่ราคายังจับต้องได้
ความเสี่ยงสำคัญ คือ 1) การเติบโตในธุรกิจ Digital ไม่ได้เร็วอย่างที่คาด 2) สูญเสียทรัพยากรบุคคลสำคัญและ 3) การแข่งขันด้านราคาจากผู้เล่นระดับโลก