บล.หยวนต้า (ประเทศไทย): 

Heng Leasing and Capital (HENG) ไม่ใหญ่เท่ารุ่นพี่ แต่มีดีไม่แพ้กัน

Action

BUY (Upgrade)

TP upside (downside)

Close Oct 18, 2021 Price (THB)

12M Target (THB)

Previous Target (THB)

What’s new?

  • HENG เป็นผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อที่เน้นสินเชื่อเช่าซื้อรถมือสอง และสินเชื่อจำนำทะเบียน โดยมีจุดเด่นจาก Synergy ระหว่าง 4 พันธมิตรหลัก และด้วย D/E ที่อยู่ในระดับต่ำ ทำให้มีช่องว่างเติบโตได้อีกมาก
  • ปี 2564 คาดกำไรสุทธิโต 6.3%YoY และโตต่อ 61.2% YoY ในปี 2565 หนุนด้วยพอร์ตสินเชื่อที่โตดีจากแผนเปิดสาขาใหม่อีกเท่าตัว และ NIM

Our view

  • เรามอง HENG เป็นผู้เล่นรายใหม่ที่มีศักยภาพในการเติบโต จากทั้งประสบการณ์ของคณะผู้บริหารและ Synergy ของ 4 กลุ่มพันธมิตรหลัก ทำให้หลังจากได้เงินทุนจากการ IPO จะทำให้บริษัทมีการเติบโตที่เร่งตัวขึ้นมาก โดยเราประเมินมูลค่าพื้นฐานปี 2565 ของ HENG ที่ 2.60 บาท โดยอิงวิธี Gordon Growth Model (Ke=9%, Sustainable ROE = 12.5%, LTG = 4%) ซึ่งคิดเป็น PBV เพียง 1.7x ต่ำกว่า PBV ปีย้อนหลังของคู่แข่ง สะท้อนว่า HENG มี Discount จากบริษัทอื่นในตลาดมากพอสมควร

ประสาน 4 ผู้ประกอบการสินเชื่อเพื่อการขยายธุรกิจครั้งใหญ่

HENG เป็นผู้ให้บริการทางการเงินที่เน้นตลาดสินเชื่อเช่าซื้อรถมือสองและสินเชื่อจำนำทะเบียนซึ่งจัดตั้งขึ้นจากการรวมตัวของ 4 พันธมิตรธุรกิจ ได้แก่ กลุ่มทวีเฮง กลุ่มพัฒนสิน กลุ่มมิตรเอื้ออารีย์ และกลุ่มสินปราณี ซึ่งต่างก็มีความชำนาญในธุรกิจที่แตกต่างกัน ทำให้ HENG มีจุดเด่นจาก Synergy ของพันธมิตรช่วยชดเชยจุดอ่อนจากจํานวนสาขาที่น้อยกว่าคู่แข่ง เช่น มีการใช้ประโยชน์จากผู้ประกอบการเต็นท์รถมือสอง ซึ่งมีจํานวนกว่า 5,100 ราย ในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้ามีลานประมูลเป็นของตัวเอง ทำให้มีความสัมพันธ์อันดีกับเจ้าของเต็นท์รถมือสองที่เข้ามาประมูลรถยึด รวมทั้งมีข้อมูลลูกค้าเดิมที่เราเชื่อว่าสามารถนำมาต่อยอดเพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์สินเชื่อประเภทอื่นๆ ได้

เตรียมขยายธุรกิจต่อเนื่องหลังได้เงินทุนจากการ IPO

สำหรับการ IPO ในครั้งนี้ บริษัทได้เสนอขายหุ้น IPO จำนวน 801 ล้านหุ้น (พาร์ 1 บาท) โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อนำเงินที่ได้รับในครั้งนี้ไปใช้ขยายธุรกิจ ดังนี้ คือ 1) ขยายธุรกิจให้สินเชื่อและบริการทางการเงินที่เกี่ยวข้อง ซึ่งหลักๆ จะเป็นการขยายสาขาใหม่เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการให้บริการให้ทั่วถึงมากขึ้น โดยเพิ่มจํานวนสาขาเป็น 830 สาขาภายในปี 2566 จากปัจจุบันอยู่ที่ 451 สาขา 2) พัฒนาและปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อรองรับการขยายบริษัท ฯ และ 3) เป็นเงินทุนหมุนเวียนในธุรกิจ

2H64 คาดกำไรฟื้นตัวหนุนปี 2564 โต 6.8%YoY และโตต่อ 66.6%YoY ในปี 2565

ผลดำเนินงาน 1H64 ที่ลดลงราว 36.2% YoY เกิดจากการยกระดับเงินสำรองให้สูงขึ้น เพื่อรองรับความเสี่ยงจน บริษัทมี Coverage Ratio สูงถึง 198.8% มากกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม โดยเรามองว่ากำไรสุทธิของ HENG จะเริ่มฟื้นตัวตั้งแต่ 3Q64 เป็นต้นไป หนุนด้วย 1) การตั้งสำรองที่ต่ำลงหลังผ่านพ้นการตั้งสำรองจํานวนมากไปแล้วใน 2Q64 2) การเติบโตของสินเชื่อที่เร่งตัวขึ้นตามความต้องการเงินด่วนที่มีอยู่มาก และ 3) NIM ที่ฟื้นตัวขึ้นจากต้นทุนทางการเงินที่ต่ำลง หลังได้รับเงินจากการ IPO เพื่อชำระคืนหนี้ที่มีต้นทุนดอกเบี้ยสูง หนุนให้ทั้งปีคาด HENG จะมีกำไรสุทธิ 338 ลบ. โต 6.3%YoY

ขณะที่ปี 2565 คาดจะมีกำไรสุทธิเร่งตัวขึ้นเป็น 545 ลบ. โตเด่น 61.2%YoY หลังเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว และบริษัท มีแผนเปิดสาขาใหม่จำนวนมาก ซึ่งจะช่วยให้เข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่เพื่อขยายฐานสินเชื่อได้ดีขึ้น นอกจากนี้ คาด NIM จะทยอยปรับขึ้นหนุนด้วย Asset Yield ที่ฟื้นตัว หลังหมดมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้เช่าซื้อ และได้ประโยชน์จากต้นทุนของเงินทุนที่ต่ำลง รวมทั้งการตั้งสำรองที่จะผ่อนคลายลงตามลำดับ

มองเป็นหุ้นสินเชื่อจำนำทะเบียนที่มีศักยภาพเติบโต

เรามอง HENG เป็นผู้เล่นรายใหม่ที่มีศักยภาพในการเติบโตในตลาดสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ จากทั้งประสบการณ์ของคณะผู้บริหารและ Synergy ของ 4 กลุ่มพันธมิตรหลัก ทำให้หลังจากได้เงินทุนจากการ IPO จะทำให้บริษัทมีการเติบโตที่เร่งตัวขึ้นมาก นอกจากนี้บริษัทมีช่องว่างที่จะใช้ Operating Leverage ทั้งการออก B/E และออกหุ้นกู้หรือกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินเพิ่มเติมได้อีกมาก (D/E ratio หลัง IPO เพียง 0.9x ต่ำกว่า Covenant ที่ 3.5x) อีกทั้งมีจุดเด่นที่ Coverage Ratio ที่สูงถึง 198.8% มากเราประเมินมูลค่าพื้นฐานปี 2565 ของ HENG ที่ 2.60 บาท โดยอิงวิธี Gordon Growth Model (Ke = 9%, Sustainable ROE = 12.5%, LTG=4%) ซึ่งคิด PBV เพียง 1.7x ต่ำกว่า PBV ปีย้อนหลังของคู่แข่งทั้ง SAWAD, MTC และ SAK ซึ่งปัจจุบันซื้อขายที่ PBV 3.9x, 5.6x และ 3.6x สะท้อนว่า HENG มี Discount จากบริษัทอื่นในตลาดมากพอสมควร และมี Upside 33.3% จึงเริ่มต้นคำแนะนำ “ซื้อ”

- Advertisement -