วันนี้คาดตลาด “Sideway Down”

แนวรับ 1,382 / 1,377 แนวต้าน 1,390 / 1,396

ตลาดยังคงได้รับ Sentiment เชิงลบจากต่างประเทศ ติดตามการประชุม FOMC ในสัปดาห์นี้เกี่ยวกับคาดการณ์เศรษฐกิจสหรัฐและแนวโน้มในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ FED ขณะที่ US-Bond Yield และ Dollar Index ปรับตัวขึ้นสะท้อนภาวะ Risk-off ของตลาดในช่วงนี้กระตุ้นแรงขายทำกำไร สำหรับปัจจัยภายในประเทศติดตามการแถลงความคืบหน้าเกี่ยวกับโครงการดิจิทัลวอลเล็ต และการพิจารณาร่างงบประมาณปี ’67

Our View? “Take Profit Effect”

คาดตลาดวันนี้ “Sideway Down” มองแนวรับที่บริเวณ 1,382 / 1,377 และแนวต้านที่บริเวณ 1,390 / 1,396 เรามองตลาดยังคงได้รับ Sentiment เชิงลบจากต่างประเทศที่เผชิญแรงขายทำกำไร หลังช่วงที่ผ่านมารับรู้ประเด็นโอกาสในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ในช่วงเดือน มิ.ย. ไปค่อนข้างมากแล้วขณะที่ในสัปดาห์นี้เราคาดตลาดจะให้น้ำหนักไปกับการติดตามการประชุม FOMC ของ FED ในวันที่ 19-20 มี.ค. นี้ ซึ่งการประชุมรอบนี้จะเป็นการประชุมที่มีการสรุปคาดการณ์ทางเศรษฐกิจของสหรัฐ และคาดจะเห็นความชัดเจนเกี่ยวกับแนวโน้มในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ FED ผ่าน Dot-plot ได้ชัดเจนมากขึ้น ทำให้คาดว่าตลาดจะขายทำกำไรสินทรัพย์เสี่ยงเพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนดังกล่าวได้บ้าง สอดคล้องกับการเคลื่อนไหวของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐผ่าน Dollar Index ฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่องเช้านี้อยู่ที่ระดับ 103.4+/- เช่นเดียวกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (US-Bond Yield) โดยเฉพาะรุ่น 10 ปีปรับตัวขึ้นอยู่ที่ระดับ 4.32%+/-บ่งชี้ถึงภาวะ Risk-off ของตลาดในระยะสั้น คาดจะกดดันทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงได้ต่อ

ขณะที่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เรามีมุมมองเชิงลบอ่อนๆ ต่อการธนาคารกลางจีน (PBOC) ยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ MLF ไว้ที่ระดับ 2.50% คาดจะกดดันทิศทางตลาดหุ้นจีน-ฮ่องกง เป็นจิตวิทยาเชิงลบระยะสั้นต่อตลาดในภูมิภาคได้เช่นกัน

ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน เม.ย. ชะลอกำลังลงบ้างแล้วปิดที่ระดับ 81.04 ดอลลาร์/บาร์เรล -0.22 ดอลลาร์ (-0.27%) เผชิญแรงขายทำกำไรเช่นเดียวกัน หลังปรับตัวขึ้นได้ดีในช่วงที่ผ่านมาตามตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลงมากกว่าคาดตามอุปสงค์ที่แข็งแกร่งของโรงกลั่นน้ำมันในสหรัฐ คาดจะส่งผลให้หุ้นในกลุ่มพลังงานชะลอกำลังลงได้เช่นเดียวกัน

สำหรับปัจจัยภายในประเทศสัปดาห์นี้เราให้น้ำหนักไปกับ 2 เรื่องสำคัญคือ 1.) การแถลงความคืบหน้าเกี่ยวกับโครงการดิจิทัลวอลเล็ต คาดจะมีการหารือกับสภาพัฒน์ และ ธปท. อาจส่งผลให้ตลาดเห็นความชัดเจนเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวเพิ่มขึ้น 2.) การพิจารณาร่างงบประมาณปี’67 ในช่วงวันที่ 20-21 มี.ค. โดยเรายังมองเป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อทิศทางเศรษฐกิจไทยในระยะถัดไป ซึ่งอาจส่งผลให้แนวโน้มในการออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ-การออกโครงการใหม่ของภาครัฐตามมาได้ คาดจะหนุน ทิศทางหุ้นในกลุ่มค้าปลีก (CPALL, CPAXT และ CRC) และหุ้นในกลุ่มรับเหมา-ก่อสร้าง (CK, STEC, UNIQ และ SEAFCO) ปรับตัวขึ้นต่อ

ธีมการลงทุน “Selective Play”

หุ้นแนะนำวันนี้ “STEC”

  • คาดจะได้รับแรงเก็งกำไรจากลงทุนโครงการใหม่จากภาครัฐในปีนี้ หลังการผ่านร่างงบประมาณปี 67 ที่คาดจะออกมาในช่วงเดือน เม.ย. อาทิ 1) ทางด่วน จตุโชติ-ลำลูกกา 2.) รถไฟฟ้าสายสีแดงส่วนต่อขยาย 3.) รถไฟทางคู่ขอนแก่น-หนองคาย คาดจะหนุนทิศทางราคาปรับตัวขึ้นได้
  • ทางเทคนิค ราคาอยู่ในทิศทางแนวโน้มขาขึ้น ยืนเหนือ EMA10และ 200 วัน พร้อมปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น ขณะที่เครื่องมือทางเทคนิค MACD ให้สัญญาณซื้อ แต่ SSTO ชะลอกำลังลงบ้างแล้ว ทำให้คาดว่าราคามีโอกาสแกว่งตัวออกด้านข้างอิงทางบวก
  • แนะนำ “เก็งกำไร”
  • แนวรับ 10.50 / 10.30 Target 11.30 / 12.10 Stop < 9.70

- Advertisement -