รอบด้านตลาดหุ้น: Covered short

ภาพตลาดและแนวโน้ม

แนวโน้มสินทรัพย์ ต่างประเทศ

อัพเดต Momentum Tracker และแนวโน้มตลาดหุ้นโลก

“Highlight”

1 สัปดาห์ที่ผ่านมาหลายๆสินทรัพย์เผชิญกับแรงขาย โดยตลาดหุ้นโลกปรับตัวลง 0.5%, US 10Y Treasury -1.7%, ทองคำ -1.1% ในขณะที่ราคาน้ำมัน WTI ขึ้นสวนสินทรัพย์อื่นปิดบวกได้ถึง 4.0%

2 สำหรับตลาดหุ้นสหรัฐที่เป็นกลุ่ม leader ในปีนี้ก็เผชิญกับแรงขายในสัปดาห์ที่แล้วเป็นสัปดาห์ที่สองติดต่อกัน แต่ไม่รุนแรงนักเมื่อเทียบกับผลตอบแทนที่ทำได้มากกว่า 7% YTD โดยสองสัปดาห์ย่อตัวลงเพียง -0.39% อย่างไรก็ตามยังมีเซคเตอร์ที่ขึ้นสวนตลาดได้ในเดือน มี.ค. โดยส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มวัฏจักร เช่น Energy +6.3% MTD และ Materials +3.7% กระตุ้นจากสัญญาณของการฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรม ดังจะเห็นได้จากการรีบาวด์ของตัวเลข S&P Global US Manufacturing PMI กลับเข้าสู่โซนขยายตัวที่ 52.2 ในเดือน ก.พ. สอดคล้องกับ มุมมองเรื่อง restocking cycle ที่เราอัพเดตมุมมองให้ในช่วงต้นปี.

“สำหรับปัจจัยเศษฐกิจสำคัญที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่”

  • วันจันทร์: (1) China Industrial Production เดือน ม.ค.-ก.พ. (Consensus คาดขยายตัว 5% YoY) และ (2) China Retail Sales เดือน ม.ค.-ก.พ. (Consensus คาดขยายตัว 5.2% YoY)
  • วันอังคาร: ผลการประชุมนโยบายดอกเบี้ยญี่ปุ่น
  • วันพุธ: ผลประชุมเฟต (Consensus คาดเฟดจะคง policy rate ไว้ที่ 5.5%)

คาดว่า highlight ของสัปดาห์นี้จะอยู่ที่มุมมองด้านเศรษฐกิจและแนวโน้มนโยบายดอกเบี้ยของเฟด ซึ่งเราคิดว่าจะมีโทนออกมาดังนี้เหมือนเดิม

    1. ประธานเฟดคงไม่ได้ให้สัมภาษณ์ไปในทาง hawkish มากขึ้น โดยเราสังเกตว่าประธานเฟดมักจะให้ guidance ในเชิง tone down ตลาดมากขึ้นก็ต่อเมื่อตลาดมีความคาดหวังเรื่องการลดดอกเบี้ยสูงจนเกินไป อย่างไรก็ตามในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา ตลาดได้ปรับความคาดหวังลงมาแล้ว ดังนั้น message ในลักษณะ hawkish guidance ของประธานพาวเวลล์จึงไม่น่าจะเกิดขึ้น ในครั้งนี้
    2. median dot plot ของการลดดอกเบี้ยในปีนี้น่าจะอยู่ที่ 3 ครั้งเหมือนกับ มุมมองรอบก่อน ซึ่งแม้ว่าล่าสุดจะมีสมาชิกเฟต 2 รายที่เปลี่ยนความเห็นเรื่องการลดดอกเบี้ยในปีนี้ลงจาก 3 ครั้งเหลือ 2 ครั้ง แต่เราคิดว่ามุมมองของเสียงส่วนใหญ่จะยังคงเดิม
    3. ประธานพาวเวลล์เคยแถลงต่อคองเกรสว่า เฟดไม่จำเป็นต้องรอเห็นเงินเฟ้อปรับลงเหลือ 2% แล้วจึงค่อยลดดอกเบี้ย เพียงแต่ต้องการรอความชัดเจนเรื่อง ตัวเลข ซึ่งล่าสุด Core PCE เดือน ม.ค. ได้ปรับตัวลงสู่ 2.8% YoY แล้ว และมีแนวโน้มปรับตัวลงต่อ โดยเราคาดว่าตัวเลขของเดือน มี.ค. หรืออย่างช้าไม่เกินเดือน เม.ย. จะปรับตัวลงแตะระดับ 2.5% ซึ่งน่าจะเพียงพอต่อการทำให้เฟดลดความกังวลลง ดังนั้น first rate cut จึงมีโอกาสเกิดขึ้นภายในเดือน มิ.ย.

“แนวโน้มของราคาสินทรัพย์ต่างๆในสัปดาห์นี้”

1. เราคาดว่าตลาดหุ้นสหรัฐและญี่ปุ่นจะผันผวนต่อเนื่อง จากสัปดาห์ที่แล้ว ฉุดโดย Momentum Tracker ที่อ่อนแรงลงจากภาวะ overbought

2. ตลาดหุ้นเวียดนามและจีนมีโอกาสซิกแซกขึ้นต่อ เนื่องจากจาก Momentum Tracker ยังเป็น uptrend และไม่ได้ตึงตัวมากเหมือนกับตลาด DM

3. US 10Y Treasury คาดจะมีแรงซื้อกลับภายหลังการประชุมเฟด ที่บริเวณ yield โซน 4.3%-4.4% ส่วนทองคำน่าจะยังอยู่ในวงจรการพักฐานระยะสั้นต่อไปคล้ายสัปดาห์ที่แล้วจากภาวะ technical overbought อย่างไรก็ตามหลังการพักฐานเสร็จ ราคามีโอกาสที่ปรับตัวขึ้นใหม่ไปทดสอบเป้าหมายของเราที่ 2,300เหรียญในไตรมาส 2 ซึ่งเป็นช่วงที่เฟดจะเริ่มลดดอกเบี้ยลงพอดี

สรุปภาพตลาดวานนี้

ศุกร์ที่ผ่านมา SET ย่อลงทดสอบแนวรับ กดดันจากแรงขายหุ้นใหญ่ทั้ง DELTA คอมเมิร์ซ CPALL CPAXT CPN สื่อสาร ADVANC TRUE ธนาคาร BBL SCB และ หุ้น SMID Cap. หลายตัวถูกขายทำกำไร เช่น STA PROEN BYD JTS-BROOK (บิทคอยย่อ) JMART เป็นต้น ขณะที่ด้านบวกมีการเก็งกำไรดัก พรบ. งบประมาณผ่านเร็วกว่ากำหนดเดิม เช่น KTB GLOBAL DOHOME STEC CK CVIL TASCO TOA นอกจากนี้ พบหุ้น Alpha บางตัวยังบวกดี เช่น TPOLY MGC YGG ALPHAX CNT

แนวโน้มตลาดวันนี้

Covered short (Cont.)

สัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีตลาดหุ้นไทย สร้างรูปแบบการฟื้นตัวจากโซนแนวรับ ที่ยกสูงขึ้น และทดสอบกรอบแนวต้าน 1,395 จุด ตามที่เราคาดแม้ในสัปดาห์ที่แล้ว ตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯจะสูงเกินคาด กดดันภาพรวมตลาดหุ้น ต่างประเทศ แต่นักลงทุนเองก็ลดความคาดหวังเชิงบวก กับการประชุมธนาคารกลางสหรัฐระหว่าง วันที่ 19-20 มี.ค.นี้…

กลายเป็นการเปิดโอกาสที่ เฟดอาจสร้างความประหลาดใจเชิงบวกให้กับตลาด ขณะที่ผลสำรวจนักเศรษฐศาสตร์ ทยอยลดความคาดหวังลงว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยเดือน มิย.นี้ จาก 60% ช่วงก่อนหน้า เหลือ 50% แต่ตลาดหุ้นไทย ก็ไม่ได้ตอบรับเชิงลบ…

เช่นเดียวกับความคาดหวังกับงบการเงินไตรมาสแรกของปีนี้ จากการสำรวจ Management Guidance พบว่า ผู้บริหาร บจ.ส่วนใหญ่ 51% เริ่มมีมุมมองเชิงบวกต่อผลประกอบการปี 2024 (เติบโตดี หรือ ฟื้นตัว) เมื่อเทียบกับผลสำรวจครั้ง ก่อนหน้าที่มองบวกเพียง 45% แต่ก็ไม่ได้มองบวกมากเกินไปกว่าศักยภาพที่มีเพราะปกติต้นปีมักจะมองโลกสวยก่อน อย่างปี 2023 เริ่มต้นปีด้วยการมองเชิงบวก ถึง 60%

นอกจากนี้ เมื่อมองประกอบกับตัวเลข Management guidance realistic index (MGRI) ที่เก็บจากสถิติช่วงที่ผ่านมา ยังมีบริษัทมองแบบ Realistic ในสัดส่วนที่น้อย (Index ต่ำกว่า 50) ทำให้รอบนี้นักวิเคราะห์ของเราและ Consensus ยังไม่กล้าใส่ความคาดหวังเต็มที่ อาจจะเพราะผิดหวังกับงบไตรมาสที่ 4/66 มาหมาดๆ จึงเพิ่มความระมัดระวัง เท่ากับว่ามีโอกาสที่ ไตรมาส 1/67 จะสร้างความประหลาดใจเชิงบวกให้กับตลาดหุ้นไทย ได้เช่นกัน

สำหรับกรอบตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ คาดเดินหน้าสร้างฐานใหม่ยกสูงขึ้นต่อเนื่องคาดกรอบ 1,378-1,405 จุด ส่วนหุ้นเด่น คาดว่าจะวนเล่นอยู่ 3 กลุ่มหลัก คือ 1.) หุ้นที่มีโอกาสถูกซื้อคืน Covered short 2.) หุ้นเก็งกำไรสูงตามสัญญาณทางเทคนิค (ซึ่ง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เราสังเกตุเห็นราคาหุ้นนอกเรดาห์ หลายตัวขยับบวกแรง น่าจะเป็นการสะท้อน Risk appetite ของนักลงทุน) 3.) หุ้นที่มีข่าวสนับสนุนหรือการเก็งกำไรตามราคา Spot เช่น น้ำมัน โรงกลั่น ปิโตรฯ สินค้าเกษตร

กลยุทธ์การลงทุน

เลือกเล่นหุ้นตาม ธีมลงทุน Earnings play / หุ้นปันผล / ธีมการลงทุนจากปัจจัยหนุนการปรับเพิ่มประมาณการณ์กำไร เช่น เอลนีโญ ทำอุณหภูมิประเทศไทยเฉลี่ยสูงขึ้น มีผลต่ออุตสาหกรรมเชื่อมโยง เช่น ความต้องการใช้ไฟฟ้าครัวเรือนเพิ่มขึ้น,ยอดขายสินค้าฤดูร้อนมีแนวโน้มจะสูงกว่าค่าเฉลี่ยฤดูกาล เป็นต้น

What to watch

  • การประชุมธนาคารกลางสหรัฐ ระหว่าง 19-20 มี.ค.นี้
  • สภาฯ ไทยพิจารณางบประมาณปี 2567
  • BOJ อาจจะยังคงนโยบายคุมดอกเบี้ยติดลบของธนาคารกลางญี่ปุ่น ในการประชุม 18-19 มี.ค.นี้
  • อาจจะมีการแถลงความคืบหน้า โครงการเงินดิจิตอล: การประชุมคณะกรรมการนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตชุดใหญ่ ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เมื่อวันที่ 15 ก.พ. 67นายกรัฐมนตรี ได้ตั้งคณะอนุกรรมการศึกษารายงานความเห็นและข้อเสนอแนะของคณะกรรมการกฤษฎีกา และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดยให้กรอบเวลาไว้ 30 วัน ซึ่งครบกำหนด 30 วัน แล้วเมื่อวันที่ 16 มี.ค. 67
  • แรงซื้อสัญญาล่วงหน้าจากฝั่ง นลท. ต่างชาติ ยังคงเพิ่มขึ้นสะสมเดือน มี.ค. อยู่ที่ 8 หมื่นสัญญา เกือบจะ Cover short สัญญาเดือน ม.ค.ที่ขายสะสมกว่า 9.4 หมื่น สัญญา ขณะที่ OI สัญญาเดือน มี.ค.ทรงๆ แค่ 5 หมื่นกว่า เทียบ OI เดือน มิ.ย.เกือบ แสน (สะท้อนแรงซื้อ ของเดือน มี.ค. เป็นมุมมองบวกของไตรมาส 2)

หุ้นแนนำวันนี้

TAN: เอกชนทวงมาตรการส่งเสริมให้ไทยเป็นแหล่งช้อปปิ้ง (S 15.5 R 17 SL 15)

CRC (S 36 R 38 SL 35)

 

- Advertisement -