ระบบการเงินยังมีเสถียรภาพแต่เปราะบางขึ้น
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบรายงานภาวะเศรษฐกิจไทยประจำไตรมาส 1/64 และประมาณการเศรษฐกิจปี 64 โดยคาดว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะขยายตัวราว 3% ขณะที่เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้นจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของสหรัฐ และการส่งออกของเอเชียที่ฟื้นตัวดีขึ้น
ส่วนปี 65 คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัว 4.7% โดยการฟื้นตัวจะมาจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นภายหลังการกระจายวัคซีนโควิด-19 ได้อย่างทั่วถึง
คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ระบุว่าประมาณการเศรษฐกิจไทยในปี 64 ที่คาดว่าจะขยายตัว 3% ต่ำจากการประเมินครั้งก่อน เนื่องจากได้รับผลกระทบของโควิด-19 ระลอกใหม่ และคาดว่าปีนี้มีแนวโน้มการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดลดลงจากการนำเข้าที่ขยายตัวสูง โดยจะเกินดุลฯ ราว 1.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ขณะที่มูลค่าการส่งออกมีแนวโน้มขยายตัวสูงขึ้นมาที่ 10% และปี 65 จะขยายตัวราว 6.3 % และอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 64 และ 65 คาดว่าจะอยู่ที่ 1.2 % และ 1% ตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม การบริโภคภาคเอกชนดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากการส่งเสริมการขายรถยนต์ในช่วงปลายปี และผลจากมาตรการช่วยเหลือของรัฐที่ออกมาเพิ่มเติมภายหลังการระบาดระลอกใหม่ รวมทั้งการลงทุนในลักษณะโครงการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน โดยเฉพาะโครงการลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกมีความชัดเจนมากขึ้น
สำหรับความเสี่ยงเศรษฐกิจสำคัญต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย คือ การกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ เนื่องจากรายรับจากนักท่องเที่ยวต่างชาติคิดเป็น 11% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ และธุรกิจบริการที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวมีสัดส่วนการจ้างงาน 20 %ของการจ้างงานทั้งหมด
ด้านระบบการเงินไทยยังมีเสถียรภาพแต่เปราะบางมากขึ้นจากเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มฟื้นตัวช้า ซึ่งส่งผลกระทบต่อฐานะทางการเงินและความสามารถในการชำระหนี้ของภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจที่ยังอ่อนแอ จึงต้องติดตามฐานะทางการเงินและความสามารถในการชำระหนี้ของภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจอย่างใกล้ชิด
ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์