วันนี้คาดตลาด “Sideway Up”

แนวรับ 1,382 / 1,377 แนวต้าน 1,390 / 1,395

คาดตลาดยังได้รับ Sentiment เชิงบวกจากตลาดต่างประเทศปรับตัวขึ้นต่อ ตามความคาดหวัง FED ปรับลดอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ อีกทั้ง BOE ส่งสัญญาณในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเช่นกัน บ่งชี้แนวโน้มธนาคารกลาง ต่างๆ จะเริ่มผ่อนคลายนโยบายทางการเงินในระยะถัดไป ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเผชิญแรงขายทำกำไรต่อ คาดจะส่งผลให้หุ้นในกลุ่มพลังงานผันผวนได้บ้าง ขณะที่ค่าเงินบาทเช้านี้อ่อนค่าทำจุดสูงสุดใหม่ 36.4 THB/USD คาดจะจำกัด Upside ทิศทางตลาดได้บ้าง

Our View? “ไปต่อในกรอบจำกัด”

คาดตลาดวันนี้ “Sideway Up” มองแนวรับที่บริเวณ 1,370 / 1,365 และแนวต้านที่บริเวณ 1,382 / 1,392 คาดตลาดยังได้รับ Sentiment เชิงบวกจากตลาดต่างประเทศ จากประเด็นธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ส่งสัญญาณผ่อนคลายนโยบายทางการเงินหลังจบการประชุม FOMC ที่ผ่านมา โดย FED เห็นถึงความเสี่ยงที่จะมีผลต่อเป้าหมายการจ้างงานและเงินเฟ้อ ขณะที่คาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) ส่งสัญญาณ FED คาดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในปีนี้ 3 ครั้ง ครั้งละ 0.25% รวม 0.75% ไม่เปลี่ยนแปลงจากคาดการณ์ก่อนหน้าในเดือน ธ.ค. 66 พร้อมทั้งคุณเจอโรม พาวเวล ประธาน FED แถลงถึงสัญญาณที่ FED มีความผ่อนคลาย ต่อระดับเงินเฟ้อมากขึ้น

ขณะที่เมื่อคืนนี้กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ออกมาอยู่ที่ระดับ 2.10 แสนตำแหน่ง พร้อมตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องที่ระดับ 1807 ล้านราย ต่ำกว่าที่ตลาดคาดสะท้อนถึงตลาดแรงงานสหรัฐยังแข็งแกร่ง

อีกทั้งผลประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) มีมติตรึงอัตราดอกเบี้ยตามที่ตลาดคาด แต่มีการส่งสัญญาณถึงแนวโน้มในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเช่นกัน โดยตลาดเริ่มมีการคาดการณ์ถึงแนวโน้มที่ BOE จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.75% ในปีนี้ สะท้อนถึงภาวะการผ่อนคลายนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางต่างๆ ทั่วโลก ซึ่งจะช่วยเพิ่มกระแสเงินทุนส่วนเกินเข้าสู่ตลาดได้ในระยะถัดไป

ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน พ.ค. เมื่อคืนนี้ชะลอกำลังลงปิดที่ระดับ 81.07 ดอลลาร์/บาร์เรล -0.20 ดอลลาร์ (-0.25%) ยังคงได้รับแรงขายทำกำไรหลังปรับตัวขึ้นจากประเด็นความกังวลอุปสงค์-อุปทานน้ำมันดิบไม่แน่นอนจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ก่อนหน้า ขณะที่ประเด็นสหรัฐฯเสนอร่างเรียกร้องให้อิสราเอลหยุดยิงในฉนวนกาชาต่อองค์การสหประชาชาติ (UN) คาดจะช่วยลดความตึงเครียดในประเด็นดังกล่าวลงได้บ้าง กระตุ้นแรงขายทำกำไรน้ำมันดิบเพิ่มเติม คาดจะส่งผลให้หุ้นในกลุ่มพลังงานผันผวนได้ต่อ

สำหรับปัจจัยภายในประเทศเรามีมุมมองเชิงบวกต่อการที่กรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 พิจารณาเสร็จเรียบร้อยแล้วมองเป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อทิศทางตลาดหุ้นไทยได้บ้าง อีกทั้งเรายังมีมุมมองเชิงบวกต่อการรายงาน ตัวเลขนักท่องเที่ยวไทยตั้งแต่ต้นปี-17 มี.ค. ที่ผ่านมาอยู่ที่ระดับ 8.07 ล้านราย โดยเป็นนักท่องเที่ยวจีนกว่า 1.5 ล้านรายจากมาตรการฟรีวีซ่า ซึ่งเป็นปัจจัยบ่งชี้ถึงแนวโน้มในการตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเข้าเป้าที่ระดับ 35 ล้านรายในปีนี้ได้ มองเป็นบวกต่อหุ้นในกลุ่มท่องเที่ยว (AOT, AWC, CENTEL และ MINT) รวมทั้งหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการเข้ามาของชาวจีนอาทิ EKH และ SAFE จากการใช้บริการผู้มีบุตรยาก อย่างไรก็ตามการที่ค่าเงินบาทเช้านี้อ่อนค่าขึ้นเช้านี้อยู่ที่ระดับ 36.4 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ คาดจะลดทอนความหวังเกี่ยวกับกระแสเงินทุนต่างชาติไหลเข้าได้บ้าง รวมทั้งยังเป็นปัจจัยลดความได้เปรียบในการลงทุนในแง่ค่าเงิน คาดจะจำกัด Upside ของตลาดหุ้นไทยได้

ธีมการลงทุน “Selective Play”

หุ้นแนะนำวันนี้ “TACC”

  • นักวิเคราะห์ของเราคาดโมเมนตัมกำไร 1Q’67 เร่งตัวขึ้น YoY และ QoQ จากไม่มีการด้อยค่าจากเงินลงทุน TCI ขณะที่แนวโน้มยอดขายเพิ่มขึ้น YoY และ QoQ ตามการเติบโตของ 7-11 ที่มี Traffic มากขึ้น
  • ทางเทคนิค ราคาอยู่ในทิศทางแนวโน้มขาขึ้นยกจุดต่ำสุดใหม่ยืนเหนือ EMA10 วันต่อเนื่อง ขณะที่เครื่องมือทางเทคนิค MACD และ SSTO เริ่มกลับมามีกำลังขึ้นอีกครั้ง
  • แนะนำ “เก็งกำไร”
  • แนวรับ 5.00 / 4.90 Target 5.20 / 5.70 Stop <4.80

- Advertisement -