WICE จับมือ OR เปิดโครงการทดลองระบบการขนส่งระยะไกลด้วยยานยนต์เชื้อเพลิงไฟฟ้า (EV) สำหรับส่งเมล็ดกาแฟดิบ และเป็นเจ้าแรกที่ใช้ยานยนต์เชื้อเพลิงไฟฟ้า (EV) วิ่งระยะไกล ตอกย้ำแนวทางการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน (Green Logistics)
บริษัท ไวส์ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ “WICE” จับมือ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ลงนามเซ็น MOU “โครงการทดลองระบบการขนส่งระยะไกลด้วยยานยนต์เชื้อเพลิงไฟฟ้า (EV) สำหรับส่งเมล็ดกาแฟดิบ” ให้สอดคล้องกับนโยบายความร่วมมือด้านการดำเนินธุรกิจและการพัฒนาอย่างยั่งยืน พร้อมผลักดันยานยนต์เชื้อเพลิงไฟฟ้า (EV) เป็นทางเลือกใหม่ของระบบขนส่งในอนาคต และถือเป็นการใช้ยานยนต์เชื้อเพลิงไฟฟ้า (EV) วิ่งเส้นทางระยะไกลเป็นเจ้าแรก
ดร. อารยา คงสุนทร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ไวส์ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ WICE ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ระหว่างประเทศแบบครบวงจร เปิดเผยว่า ธุรกิจขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์ ถือว่ามีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจแต่ในขณะเดียวกันก็ถือเป็นอุตสาหกรรมที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมด้วย ทำให้ผู้ประกอบการรวมไปถึงคู่ค้าให้ความสำคัญ ในการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยี เข้ามาสร้างโซลูชั่นใหม่ๆ เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
สำหรับความร่วมมือกับ บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด(มหาชน) หรือ OR ในครั้งนี้ จะส่งเสริมแนวทางการดำเนินธุรกิจตามหลัก ESG ให้สอดคล้องกับนโยบายและวิสัยทัศน์ของ WICE พร้อมทั้งสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและตั้งใจของบริษัท ที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน ไปพร้อมกับการดูแลด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมกัน (Green Logistics ) ด้าน OR นั้น มีแนวทางในการดำเนินธุรกิจด้าน ESG ด้วยนโยบายผลักดันการใช้รถไฟฟ้าในการเดินทางและขนส่งให้เกิดขึ้นอย่างแพร่หลายในประเทศ ซึ่ง WICE เชื่อว่าความร่วมมือในครั้งนี้ จะเป็นอีกจุดเปลี่ยนเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนผ่านการใช้พลังงานอย่างไร้รอยต่อ และมุ่งเน้นให้การใช้ยานยนต์เชื้อเพลิงไฟฟ้า (EV) เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของทุกภาคส่วน
การให้บริการด้านยานยนต์เชื้อเพลิงไฟฟ้า (EV) เป็นหนึ่งโครงการที่ WICE ได้ริเริ่มและผลักดันมาโดยตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งความร่วมมือกับพันธมิตรและคู่ค้า เพื่อให้เกิดการปรับเปลี่ยนและพัฒนาระบบขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์ ไปสู่ระบบยานยนต์เชื้อเพลิงไฟฟ้า (EV) อย่างแท้จริง
สำหรับ “โครงการทดลองระบบการขนส่งระยะไกลด้วยยานยนต์เชื้อเพลิงไฟฟ้า (EV)” ที่แสดงถึงเจตนาในการร่วมกันดำเนินโครงการการจัดการขนส่งต้นแบบ สำหรับกิจการ Café Amazon ,PTT Lubricants และผลิตภัณฑ์อื่น (Prototype Project for Green Logistics to Support Business Operations of Café Amazon ,PTT Lubricants and other Products) จากจังหวัดเชียงใหม่ มายังจังหวัดสระบุรี ซึ่งจะทำให้ WICE เป็นเจ้าแรกที่ใช้ยานยนต์เชื้อเพลิงไฟฟ้า (EV) วิ่งในระยะทางที่ไกล โครงการนี้ ถือว่าเป็นการต่อยอดจากโครงการขนส่งเชื้อเพลิงชีวมวลอัดแท่งจาก สปป.ลาวมายังประเทศไทย โดยแสดงให้เห็นถึงความพร้อมและความเชี่ยวชาญในฐานะผู้นำด้านการให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจร พัฒนาและนำโซลูชั่นใหม่ๆ มาตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในทุกด้าน
ขณะที่ OR มีความพร้อมด้านการให้บริการจุดชาร์จไฟรถ EV Station Pluz ที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ และ/หรือ จุดพักรถตามเส้นทางที่ OR กำหนด จะมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่ทำให้โครงการประสบความสำเร็จ พร้อมทั้งต่อยอดไปสินค้าและบริการอื่นๆ ในเครือ OR ต่อไปในอนาคต ซึ่งโครงการนี้จะเริ่มดำเนินภายในเดือนเมษายนนี้
ด้านนายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เปิดเผยว่า ความร่วมมือกับ WICE ในครั้งนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการร่วมกันศึกษาและสร้างต้นแบบ (Prototype) การทดลองระบบการขนส่งสินค้าระยะไกลด้วยยานยนต์เชื้อเพลิงไฟฟ้า (EV) เพื่อทดสอบความเป็นไปได้ทางเทคโนโลยี และความเป็นไปได้ในทางธุรกิจ ซึ่งจะช่วยพัฒนาศักยภาพทางด้านเทคโนโลยีให้แก่ OR ต่อไป โดย OR และ WICE จะร่วมกันออกแบบยานยนต์ประเภทเชื้อเพลิงไฟฟ้า (EV) พร้อมทดลองการขนส่ง โดยกำหนดเส้นทางการขนส่ง “กรีน คอฟฟี่ บีน รูท” (Green Coffee Bean Route) เพื่อขนส่งเมล็ดกาแฟดิบจากต้นทางที่ โกดังเก็บเมล็ดกาแฟของ OR อำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ มายังปลายทางที่ โกดังเก็บเมล็ดกาแฟ OASYS อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยใช้เครือข่ายสถานีชาร์จ EV Station PluZ ของ OR ในเส้นทาง “Green Coffee Bean Route” เป็นจุดพักเพื่อชาร์จไฟของรถขนส่ง ซึ่งโครงการดังกล่าว จะช่วยส่งเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของทั้งสององค์กร ในการร่วมรับผิดชอบดูแลสิ่งแวดล้อม เพื่อมุ่งสู่เป็นผู้นำในการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในกิจกรรมการขนส่งสินค้า ตลอดจนช่วยลดปริมาณการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงกิจกรรมการขนส่ง และลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
“ความร่วมมือในครั้งนี้ ยังสอดคล้องกับแนวทางการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนผ่าน OR SDG โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้าน “G” หรือ “GREEN” หรือการสร้างโอกาสเพื่อสังคมสะอาด โดยมุ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและลดผลกระทบเชิงลบต่อสิ่งแวดล้อมตลอดห่วงโซ่คุณค่าของ OR รวมทั้งเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานสะอาด เพื่อสร้างสิ่งแวดล้อมที่อุดมสมบูรณ์ (Healthy Environment) และบรรลุเป้าหมายของ OR 2030 Goals หรือเป้าหมายขององค์กรในการสร้างโอกาสเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนร่วมกับสังคมชุมชน สิ่งแวดล้อม ควบคู่ไปกับผลดำเนินการงานที่ดี” นายดิษทัต กล่าวเสริมในตอนท้าย