Daily Focus 2024: Selective Play // Hold after Accumulated

SET Target : 1470

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ฟื้นตัวได้ตามตลาดหุ้นทั่วโลก ปิดบวก 14.44 จุด ที่ระดับ 1,387.62 จุด ได้แรงหนุนจากผลการประชุม FED ที่ออกมาในโทน Dovish มูลค่าการซื้อขายหนาแน่นขึ้น 4.4 หมื่นลบ. กลุ่มที่หนุนตลาด ได้แก่ อิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะ DELTA สถาบันในประเทศพลิกมาขายสุทธิในตลาดหุ้น 422 ลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติพลิกมา ซื้อสุทธิ 2 พันลบ. (และ Long Index Futures สูงถึงเกือบ 4 หมื่นสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index แกว่ง Sideways to Sideways Up ในกรอบ 1,383-1,395 จุด ชะลอความร้อนแรงลงจากวันก่อนหน้า หลังตอบรับเชิงบวกต่อผลการประชุม FED ที่ออกมาในโทนค่อนไปในทาง Dovish ไปแล้วพอสมควร ด้าน Bond Yield และ Dollar Index สหรัฐฯพลิกกลับมาขยับขึ้นและกดดันสกุลเงินเอเชียอ่อนค่าลง ซึ่งเป็นปัจจัยที่จำกัดการปรับขึ้นของดัชนีระยะสั้น ภาพรวมวันนี้กลุ่มส่งออกอย่างอิเล็กทรอนิกส์และอาหารคาดว่ายังได้อานิสงส์เชิงบวกจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าแตะ 36.30 บาท/ดอลลาร์ ส่วนปัจจัยในประเทศยังอยู่ที่การพิจารณางบประมาณประจำปี 2567 ของสภาผู้แทนฯ ที่คาดว่าจะผ่านสัปดาห์นี้ และเข้าสู่ชั้นวุฒิสภาสัปดาห์หน้าก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ วันที่ 3 เม.ย. ซึ่งหากไม่มีล่าช้าหรือมีปัญหา เราเชื่อว่าจะหนุนความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนและทำให้โมเมนตัมของการลงทุนภาครัฐให้เร่งตัวขึ้นหลังติดลบแรงในไตรมาสก่อนๆ หนุน GDP เร่งตัวใน 2024 เป็นต้นไป โดยรวมเราเชื่อว่า SET Index มีแนวโน้มผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ตามกำไรบจ.และ GDP 4Q23 ที่ประกาศออกมา เราคาดดัชนีมีโอกาสทยอยฟื้นตัวใน 2024 โดยประเมินว่ามีโอกาสเคลื่อนไหวในกรอบ 1,350-1,450 จุด

กลยุทธ์ : เลือกหุ้นที่แนวโน้มกำไรปี 2024 แข็งแกร่งและเทรด PER/PBV ต่ำเทียบกับ Pre-Covid // ถือลงทุนหลังสะสมหุ้นเพิ่มบริเวณ 1,350 จุด

หุ้นเด่นเดือน มี.ค.: BDMS, HMPRO, KCG, SHR, TACC

FSSIA Portfolio: AOT, BCH, CALL, CPN, GPSC, MINT, NSL, SJWD, and TIDLOR

หุ้นเด่นวันนี้ : ITC

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 27 บาท
  • เบื้องต้นเราคาดกำไร 1Q24 ที่ 681 ลบ. -11% q-q จากฐานสูงใน 4Q23 แต่ฟื้นตัวแข็งแกร่ง +60% y-y หนุนจากรายได้ที่คาด +15% y-y ขณะที่ Gross Margin คาดว่าจะทรงตัวที่ 22% สูงขึ้นจาก 17.4% ในช่วงเดียวกันของปีก่อนจากต้นทุนปลาทูน่าที่ลดลง
  • เรามองว่า ITC มี 3 ปัจจัยหนุนที่ช่วยชดเชยค่าเสื่อมราคาที่ปรับขึ้น ได้แก่ รายได้ที่กลับมาเติบโตและ Margin ที่ขยายตัวจากต้นทุนทูน่าที่ลดลง รวมถึงบาทอ่อน ส่วนคำสั่งซื้อของลูกค้า US และ EU คาดว่าจะโตได้ตามเป้า เราจึงยังคาดกำไรปี 2024 ฟื้นตัวแรงเป็น 3.2 พันลบ. +41% Y-Y
  • แนวรับ 19-18.90//18 บาท แนวต้าน 19.80-20//20.50 บาท

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนพลิกมาไหลเข้าภูมิภาคหนาแน่นตามคาด US$2,292 ล้าน นำโดยเกาหลีใต้และไต้หวัน US$1,678 ล้านและ US$529 ล้าน ตามลำดับ ส่วนอาเซียนไหลเข้าเกือบทุกประเทศนำโดยไทย US$56 ล้าน มีเพียงเวียดนามที่ไหลออก US$14 ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนคาดว่าจะชะลอการไหลเข้าหลัง Bond Yield สหรัฐฯและ Dollar Index พลิกกลับมาปรับตัวขึ้น กดดันเงินสกุลเอเชียอ่อนค่า

ประเด็นสำคัญวันนี้

(+) KKP คาดกำไรสุทธิ 1Q24 ที่ 824 ลบ. +23% q-q, -61% y-y ภาพรวมผลการดำเนินงาน 1Q24 ฟื้นตัวจากที่หดตัวแรงใน 4Q23 หนุนด้วย credit costs ที่จะลดลง แม้คาดผลขาดทุนจากการขายรถยึดที่ยังทรงตัวจากงวดก่อนหน้า แต่คาดค่าใช้จ่ายสำรองหนี้ฯ ลดลงต่อเนื่อง ส่วน NII คาด -3.8% q-q แต่ยัง +2.5% y-y จากภาพรวมสินเชื่อที่ยังซบเซา ขณะที่คาด NIM ลดลงจากต้นทุนดอกเบี้ยจ่ายที่เร่งตัวขึ้น ส่วน NPL ลดลงและ coverage ratio เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เรายังคงประมาณการผลการดำเนินงานปี 2024-26 ตามนโยบายระมัดระวังและสอดคล้องกับ guidance ของ KKP ราคาเป้าหมาย 50.60 บาท คงคำแนะนำ “ถือ” จาก upside ที่จำกัด และคาด Div. yield 6-7% ต่อปี

(0) COM7 ผู้บริหารให้เป้าหมายการเติบโตของปี 2024 ที่ 10% y-y ใกล้เคียงกับประมาณการของเรา โดยมีแผนขยายสาขาเพิ่ม 150 สาขาในปีนี้ เราปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2024-26 ลง 14%/13%/11% ตามลำดับ จากแนวโน้มการเติบโตที่น้อยกว่าที่คาด ทั้งนี้กำไรสุทธิ 3 ปีเฉลี่ยยังคาดเติบโตได้ 7% CAGR อย่างไรก็ตามเรายังไม่รวม ธุรกิจรถไฟฟ้า AION ที่อาจมี upside 2% ของประมาณการของเรา และปรับราคาเป้าหมายใหม่เป็น 22.50 บาท แต่ยังแนะนำ “ซื้อ” เพราะเชื่อว่าผลกระดำเนินงานที่แย่สะท้อนไปในราคาแล้ว

(0) CRC Top daily ประกาศทำแฟรนไชส์ พร้อมให้การสนับสนุนทั้งหน้าบ้าน หลังบ้านและเงินทุน โดย CRC มองว่าตลาดร้านสะดวกซื้อในไทยยังขยายได้จากสัดส่วนประชากรต่อร้านสะดวกซื้อ 1 ร้านต่อประชากร 4,428 คน ญี่ปุ่น 2,220 คน เกาหลี 953 คน เรามองเป็น Sentiment เชิงลบเล็กน้อยจากการแข่งขันที่จะรุนแรงมากขึ้นสำหรับ format ร้านสะดวกซื้อ โดยปัจจุบัน Tops daily ยังมีสาขาไม่มาก 515 สาขา, 7-eleven 14,545 สาขา, Lotus’s go fresh 2,050 สาขา, BigC Mini 1,567 สาขา สำหรับ CRC เรายังให้ราคาเป้าหมาย 44 บาท แนะนำ “ซื้อ”

(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 269.24 จุด หรือ +0.68% ปิดที่ 39,781.37 จุด โดยทั้งดาวโจนส์, S&P500 และ Nasdaq ต่างก็ปิดทำนิวไฮติดต่อกันเป็นวันที่ 2 หลังจากผลการประชุมของเฟด ทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ขณะที่หุ้นกลุ่มบริษัทผลิตชิปพุ่งขึ้นขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทไมครอน เทคโนโลยี

(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวก แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ โดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวขึ้นนำตลาด ขณะที่ธนาคารกลางรายใหญ่ส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยซึ่งช่วยหนุนความเชื่อมั่นของนักลงทุน

(0) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดทรงตัว แต่มีตลาดนิกเกอิที่มีทิศทางทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง หลังรายงานเงินเฟ้อเดือน ก.พ. เร่งตัวขึ้น m-m

(-) ค่าเงินบาท อ่อนค่า อยู่ที่บริเวณ 36.30 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ +0.85%

(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 20 เซนต์ หรือ 0.25% ปิดที่ 81.07 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์น้ำมันเบนซินที่อ่อนแอลงในสหรัฐ นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังปรับตัวลงหลังจากมีรายงานว่าสหรัฐได้เสนอร่างมติต่อ UN เพื่อเรียกร้องให้อิสราเอลหยุดยิงในฉนวนกาซา ในขณะที่เช้านี้ลบอยู่ที่ระดับ 80.79 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ -0.35%

(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 23.70 ดอลลาร์ หรือ 1.10% ปิดที่ 2,184.70 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจาก ประธานเฟดยืนยันว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ในขณะที่เช้านี้บวกอยู่ที่ระดับ 2,208.90 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ +0.11%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 838.50/ –

 

- Advertisement -