นายวิโรจน์ เจริญตรา กรรมการผู้จัดการ PREB

PREB ฐานแน่นตุน Backlog 8.2 พันลบ. ทริสฯ คงอันดับเครดิตองค์กร BBB แนวโน้ม Stable ประเมิน EBITDA เพิ่มขึ้น ลุยธุรกิจอสังหาฯ หนุนอนาคตเติบโตยั่งยืน

บมจ.พรีบิลท์ หรือ PREB ฐานแน่น ตุน Backlog 8.2 พันล้านบาท รับรู้รายได้ใน 2-3ปีข้างหน้า ฟากบิ๊กบอส วิโรจน์ เจริญตราประกาศลุยธุรกิจอสังหาฯ เต็มสปีด ผลักดันผลงานโดยรวมเติบโตต่อเนื่อง หนุนอนาคตยั่งยืน ขณะที่ทริสฯ คงอันดับเครดิตองค์กร “BBB” แนวโน้ม “Stable” เนื่องจากมีผลงานเป็นที่ยอมรับโดยเฉพาะงานก่อสร้างอาคารสูง ประเมินรายได้จากธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จะเพิ่มมาอยู่ที่ประมาณ 700 ล้านบาทในช่วงปี 2567-2568 ขณะที่ EBITDA มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น สภาพคล่องอยู่ในระดับที่ดี

นายวิโรจน์ เจริญตรา กรรมการผู้จัดการ บริษัท พรีบิลท์ จำกัด (มหาชน) หรือ PREB เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีงานในมือที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) ณ สิ้นปี 2566 จำนวน 8,200ล้านบาท จะทยอยรับรู้รายได้ใน 2-3 ปีข้างหน้า และพร้อมจะขยายงานด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสนับสนุนผลการดำเนินงานทั้งรายได้และกำไรให้เติบโตเพิ่มขึ้นในระยะยาว

โดยปัจจุบัน บริษัทฯ มีโครงการบ้านเดี่ยวที่อยู่ระหว่างการพัฒนาจำนวน 4 โครงการ ภายใต้แบรนด์ “พรรณนา” และ “พิมนารา” ซึ่งมีมูลค่ารวม 2.8 พันล้านบาท และยังมีโครงการทาวเฮ้าส์ภายใต้แบรนด์ “พรี วิลเลจ” อีก 1 โครงการมูลค่า 0.7 พันล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีที่ดินอีก 2 แปลงในบริเวณ ถ.สุขุมวิท 24 และ ถ.สุขุมวิท 26 มูลค่ารวม 1.1พันล้านบาท ที่จะใช้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมด้วยเช่น

ด้าน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด คงอันดับเครดิตองค์กรที่ระดับ “BBB” ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงผลงานที่เป็นที่ยอมรับของบริษัทฯ ในงานก่อสร้างโครงการอาคารสูง ตลอดจนภาระหนี้ที่อยู่ในระดับปานกลาง และสภาพคล่องทางการเงินเพียงพอ โดยคาดว่าในช่วง 3 ปีข้างหน้ารายได้จากธุรกิจรับเหมาก่อสร้างจะอยู่ที่ระดับ 3.7-4.7 พันล้านบาทต่อปี รายได้จากธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์น่าจะอยู่ที่ระดับ 450-700 ล้านบาทต่อปี ส่วน EBITDA ต่อรายได้ (EBITDA Margin) นั้นคาดว่าจะทรงตัวที่ระดับ 8%-9% ในขณะที่ EBITDA จะเพิ่มขึ้นเป็น 550 ล้านบาทในปี 2568 จาก 350 ล้านบาทในปี 2566 และเงินทุนจากการดำเนินงานน่าจะอยู่ในช่วง 300-350 ล้านบาทต่อปีในระยะเวลา 3 ปีข้างหน้า

“การที่ทริสฯ จัดอันดับองค์กรให้อยู่ในระดับ BBB นั้นถือเป็นเรื่องที่ดี ตอกย้ำความเข้มแข็งในด้านฐานการเงินของบริษัท ซึ่งมีความพร้อมขยายการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่อง และสามารถผลักดันผลการดำเนินงานให้เติบโตในระยะยาว รวมทั้งสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นในทุกๆ ปี” นายวิโรจน์ กล่าวในที่สุด

- Advertisement -