ผู้ถือหุ้น SSP อนุมัติแผนเพิ่มทุนขายหุ้นแบบ PP จำนวน 50 ล้านหุ้น มูลค่ารวม 605 ล้านบาท เดินหน้าต่อยอดธุรกิจโรงไฟฟ้าครบวงจร เผยโค้งสุดท้ายปีนี้เตรียม COD โรงไฟฟ้าพลังงานลมในประเทศเวียดนาม ขนาดกำลังผลิต 48 เมกะวัตต์ ดันกำลังการผลิตไฟฟ้าปีนี้ทะลุ 200 เมกะวัตต์ พร้อมเดินหน้ารุกขยายการลงทุนโซลาร์รูฟท็อปในอินโดนีเซีย หนุนผลงานอนาคตโตก้าวกระโดด
นายวรุตม์ ธรรมาวรานุคุปต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SSP เปิดเผยว่า ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นมีมติอนุมัติให้บริษัทเพิ่มทุนจดทะเบียน จํานวน 50,000,000 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิมจํานวน 1,369,169,683 บาท เป็นทุนจดทะเบียนจํานวน 1,419,169,683 บาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจํานวน 50,000,000 หุ้น คิดเป็น 4.93% ต่อทุนที่ชำระแล้ว มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท
สำหรับการเพิ่มทุนดังกล่าว เป็นการจัดสรรให้บุคคลในวงจํากัด (Private Placement) ประกอบด้วย การจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนจํานวนไม่เกิน 30,00,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท ในราคาเสนอขาย 12.10 บาทต่อหุ้น คิดเป็นมูลค่ารวม 363,000,000.00 บาท ให้แก่ ยูโอบีเคย์เฮียน ไพรเวท ลิมิเต็ด (UOB Kay Hian Private Limited) และจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนจํานวนไม่เกิน 20,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท ราคาเสนอขาย 12.10 บาทต่อหุ้น คิดเป็นมูลค่ารวม 242,000,000.00 บาท ให้แก่ นายพงศ์ศักดิ์ ธรรมธัชอารี ซึ่งภายหลังการออกและจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนนักลงทุนดังกล่าวจะเข้าเป็นผู้ถือหุ้นรวม 4.70% ของจํานวนหุ้นที่จําหน่ายได้แล้วทั้งหมด
“การขายหุ้นให้ PP ครั้งนี้ ทำให้บริษัทมีแหล่งเงินทุนเพิ่มเติม เพื่อใช้ในการเข้าลงทุนในธุรกิจพลังงานหมุนเวียนในอนาคต ตามเป้าหมายที่บริษัทตั้งไว้ในการขยายการลงทุนและพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้า จํานวนรวมทั้งสิ้น 400 เมกะวัตต์ ภายในปี 2567 ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางการเงินและความมั่นคงให้แก่ฐานะการเงินของบริษัท อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มศักยภาพในการดําเนินธุรกิจ อันจะช่วยส่งผลให้ผลประกอบการของบริษัทแข็งแกร่งในระยะยาว นอกจากนี้ การเพิ่มทุนในลักษณะแบบ PP จะช่วยลดภาระในการเพิ่มทุนให้กับผู้ถือหุ้นเดิม และยังสามารถดําเนินการได้ทันที ซึ่งคิดเป็นงบประมาณในการเข้าลงทุนประมาณ 900-1,000 ล้านบาท ” นายวรุตม์กล่าว
ส่วนผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่าจะเติบโตอย่างโดดเด่น เนื่องจากในไตรมาส 3/64 ได้จ่ายไฟเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Leo 1 มีกำลังการผลิตขนาด 20 เมกะวัตต์ ในประเทศญี่ปุ่นเรียบร้อยแล้ว คาดว่าจะรับรู้รายได้ทันที ส่งผลให้ปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตไฟฟ้าในมือรวม 177 เมกะวัตต์ ส่วนโครงการพลังงานลมในประเทศเวียดนาม ขนาด 48 เมกะวัตต์ คาดว่าจะสามารถ COD ได้ภายในไตรมาส 4/64 ตามแผนที่วางไว้ รวมถึงบริษัทจะเริ่มทยอยรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าชีวมวล ขนาดกำลังผลิต 9.9 เมกกะวัตต์ หลังจากได้ทำรายการซื้อหุ้นของบริษัทยูนิ พาวเวอร์ เทค จำกัด (UPT) จากกลุ่มผู้ถือหุ้นในสัดส่วน 49% ทำให้มั่นใจว่า ในปี 2564 บริษัทจะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศทะลุ 200 เมกะวัตต์ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
นอกจากนี้ แผนการดำเนินงานในอนาคต บริษัทเตรียมขยายการลงทุน Solar Rooftop ในประเทศอินโดนีเซีย โดยคาดว่าภายในปี 2564 จะ COD ได้ประมาณ 16 เมกะวัตต์ รวมทั้งโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Leo 2 ในประเทศญี่ปุ่น ขนาด 17 เมกะวัตต์ ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาโครงการ และคาดว่าจะ COD ได้ในปี 2566
***************************************