Daily Focus: Selective Play // Hold after Accumulated

2024 SET Target : 1470

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัว Sideways ตลอดทั้งวันตามคาด ก่อนที่ช่วงท้ายตลาดจะมีแรงขายอย่างรุนแรง กดดันให้ดัชนีปิดลบกว้างถึง 10.49 จุด ที่ระดับ 1,370.34 จุด โดยคาด ว่าเป็นผลจาก S50H24 ที่จะหมดอายุและมีการ Rollover ไปยัง 550M24 สถาบันในประเทศยังซื้อสุทธิในตลาดหุ้นบางๆ 228 ลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1.8 พันลบ. (และพลิกมา Short Index Futures 1.27 หมื่นสัญญา) โดยค่าเงินบาทอ่อนค่าแตะ 36.50 บาท/ดอลลาร์วานนี้

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index มีโอกาสฟื้นตัวระยะสั้นหลังจากปรับลงแรงวานนี้ มองกรอบการเคลื่อนไหวที่ 1,368-1,378 จุด อย่างไรก็ตามมูลค่าการซื้อขายคาดยังเบาบาง โดยนักลงทุนอยู่ในโหมด Wait and See เข้าวันหยุด Good Friday และรอดูตัวเลขเงินเฟ้อ PCE สหรัฐฯเดือน ก.พ. คืนวันศุกร์ซึ่งตลาดยังมองว่าจะยังอยู่ในทรงสูง (คาด Core PCE +0.3% m-m, +2.8% y-y) ซึ่งหากออกมาสูงกว่าคาด อาจะเป็นแรงกดดันต่อคาดการณ์และโอกาสที่ FED อาจลดดอกเบี้ยได้น้อยครั้งลงจากที่ประเมินปัจจุบัน ส่วนปัจจัยในประเทศโดยรวมแรงหนุนระยะกลาง-ยาวยังคงมาจากงบประมาณประจำปี 2567 ที่เตรียมนำขึ้นทูลเกล้าฯ สัปดาห์หน้า และเริ่มเบิกจ่ายในระยะถัดไป รวมถึงนโยบายเงินดิจิทัลที่คาดว่าจะได้ข้อสรุปและรายละเอียดในวันที่ 10 เม.ย. โดยคาดว่าจะมีการใช้เม็ดเงินจากงบประมาณแทนการกู้ เบื้องต้นคาดว่าจะเริ่มจ่ายเงินได้ใน 4Q24 เป็น Upside ต่อประมาณการเศรษฐกิจในปี 2024-25 ภาพรวมเรายังให้น้ำหนักว่า ดัชนีมีแนวโน้มผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วตามเศรษฐกิจและกำไรบจ. ขณะที่การฟื้นตัวจะทยอยเกิดขึ้นใน 2Q24 โดยเฉพาะ 2H24 จากแรงหนุนของการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณใน 2Q24-3Q24 หนุนเครื่องยนต์หลักทั้งการบริโภคเอกชน การท่องเที่ยวและส่งอกที่ฟื้นตัว

กลยุทธ์ : เลือกหุ้นที่แนวโน้มกำไรปี 2024 แข็งแกร่งและเทรด PER/PBV ต่ำเทียบกับ Pre-Covid // ถือลงทุนหลังสะสมหุ้นเพิ่มบริเวณ 1,350 จุด

หุ้นเด่นเดือน มี.ค.: BDMS, HMPRO, KCG, SHR, TACC

FSSIA Portfolio: AOT, BCH, CPALL, CPN, GPSC, NSL, SHR, SJWD, and TIDLOR

หุ้นเด่นวันนี้ : TIDLOR

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 27 บาท
  • เบื้องต้นเราคาดว่ากำไร 1024 จะฟื้นตัว 9-9 ได้หลังมีการตั้งสำรองที่สูงขึ้นใน 4023 ขณะที่การประชุมกนง.ในเดือน เม.ย. หากปรับลดดอกเบี้ยลงจะ Surprise ตลาดและเป็นบวกต่อกลุ่มไฟแนนซ์
  • Guidance เป้าหมายธุรกิจปี 2024 ตั้งเป้าสินเชื่อเติบโต 10-20% y-Y NPL ที่ 1.4-1.8%, Credit cost ที่ 3.29% และ cost to income ratio ที่ 55% ซึ่งส่วนใหญ่ใกล้เคียงกับประมาณการของเรา อย่างไรก็ดีบริษัทยังมีความกังวลต่อผลขาดทุนรถยึดยังมีอยู่ต่อเนื่อง เรายังคงประมาณการกำไรปี 2024 เติบโต 19% y-y
  • แนวรับ 22//21.50 บาท แนวต้าน 22.60//23.30-23.40 บาท

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนโดยรวมไหลออกจากภูมิภาคเร่งตัวขึ้นเป็น US$908 ล้านแต่กระจุกตัวที่ไต้หวัน US$831 ล้าน และยังไหลเข้าเกาหลีใต้บางๆ US$50 ล้าน ส่วนอาเซียนเม็ดเงินไหลออกทุกประเทศ ประเทศละ US$25-54 ล้าน โดยมีแรงกดดันจากดอลลาร์ที่แข็งค่ากดดันสกุลเอเชีย แนวโน้มกระแสเงินทุนคาดว่ายังค่อนไปในทิศทางไหลออกแต่เบาบางเนื่องจากบางตลาดปิดทำการเนื่องในวัน Good Friday ขณะที่คืนนี้มีตัวเลขเงินเฟ้อ PCE สหรัฐฯ ต้องจับตา

ประเด็นสำคัญวันนี้

(+) กลยุทธ์เดือนเม.ย. 2024 ภาพรวมเรายังให้น้ำหนักว่าดัชนีมีแนวโน้มผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วตามเศรษฐกิจและกำไรบจ. ขณะที่การฟื้นตัวจะทยอยเกิดขึ้นใน 2Q24 โดยเฉพาะ 2H24 จากแรงหนุนของการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ หนุนเครื่องยนต์หลักทั้งการบริโภคเอกชน การท่องเที่ยวและการส่งออกที่ฟื้นตัว คงเป้า SET Index ปี 2024 ที่ 1470 จุด บน EPS 91 บาท/หุ้น PE 16 เท่า ซึ่งปัจจุบัน SET Index  ปัจจุบันเทรดที่ PE 15 เท่า ยังคงต่ำกว่าช่วงระดับโควิดที่ 15.7 เท่า ยังเน้นกลยุทธ์ Selective ในหุ้นที่มีแนวโน้มกำไรเติบโตแข็งแรงและ Valuation ไม่แพง Top Pick ปี 2024 คือ AOT, BCH, CPALL, CPN, GPSC, NSL, SHR, SJWD, and TIDLOR

(+) Property ข่าวกระทรวงการคลังอยู่ระหว่างพิจารณามาตรการกระตุ้นอสังหาฯเพิ่มเติม 2 แนวทาง คือ 1) ขยายราคาที่อยู่อาศัยที่เข้าเกณฑ์มาตรการลดธรรมเนียมค่าโอนจากเดิม 2% เหลือ 1% และค่าจดจำนองจากเดิม 1% เหลือ 0.01% จากปัจจุบันให้เฉพาะราคาไม่เกิน 3 ลบ. เป็นราคาเกิน 3 ลบ. จะให้ได้ลดหย่อนในส่วนของ 3 ลบ. แรก 2) โครงการบ้านล้านหลัง เฟส 3 สูงสุดไม่เกิน 2 ลบ. เป็น Sentiment บวก โดยเฉพาะข้อ 1 หากมีผลถึงสิ้นปีนี้ จะเป็นบวกต่อผู้ที่มีสต็อกบ้าน/คอนโดพร้อมโอน และ Backlog สูง โดยมอง AP, SPALI ได้ประโยชน์มากกว่ารายอื่น เรายังมองว่ามีข้อจำกัดจากกำลังซื้อที่อ่อนแอ และสถาบันการเงินยังเข้มงวดต่อการปล่อยสินเชื่อ และระยะสั้นคาดกำไร 1Q24 หดตัว และเป็นจุด่ำสุดของปี จากยอดขายยังซบเซา รวมถึงลูกค้าบางส่วนชะลอการซื้อเพื่อรอความชัดเจนมาตรการกระตุ้นและทิศทางดอกเบี้ยโดยในกลุ่มฯ แนะนำ AP, SPALI

(+) ITC โทนประชุมวานนี้เป็นบวก รายได้สินค้า Premium ฟื้นดีกว่าคาด เรายังคาดกำไร 1Q24 ไว้ที่ 681 ลบ. -11% q-q, +60% y-y และแนวโน้ม 2Q24 ยังดีต่อเนื่อง โดยมีคำสั่งซื้อ Secured ไปแล้ว 60% ของเป้าการขายใน 2024 ล่าสุดลูกค้ารายใหญ่ส่งคำสั่งซื้อล่วงหน้า (PO) ครอบคลุม 51% ของเป้าทั้งปี ทำให้เดือน เม.ย.-พ.ค. มีคำสั่งซื้อทะลุเป้าแล้ว และมีการล็อคราคาขายล่วงหน้าแล้ว 6 เดือน ผบห.ยังตั้งเป้ารายได้ปี 2024 +15% y-y เรายังคงคาดกำไรปี 2024 เท่าเดิม 3.2 พันลบ. +41% y-y และคงเป้าราคาเป้าหมาย 27 บาท แนะนำ ซื้อ

(+) RAM คาดกำไรปกติ 2024 +26% y-y จากผลประกอบการของโรงพยาบาลวิภารามดีขึ้นจากรายได้ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 11% ในปี 2024 และคาด RAM 2 จะขาดทุนลดลง หลัง 4Q23 EBDITDA กลับมาเป็นบวกและคาดจะเพิ่มขึ้น 3.5 เท่า ในปี 2024 คิดเป็น 4% ของรายได้รวม อีกทั้งจะกลับมาเป็นกำไรในปี 2025 อย่างไรก็ตามเราปรับลดประมาณการกำไรปกติปี 2024-25 ลง 11-12% เพื่อสะท้อนรายได้และ EBITDA margin ของ โรงพยาบาลวิภารามใน 2H23 ได้ราคาเป้าหมายใหม่ 46 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”

(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 47.29 จุด หรือ +0.12% ปิดที่ 39,807.37 จุด โดย ทั้งดัชนีดาวโจนส์ และ S&P500 ต่างก็ทำสถิติในไตรมาส 1 ที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบ 5 ปี ขณะที่นักลงทุนขานรับข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีการรายงานเมื่อคืน นี้ซึ่งรวมถึง GDP พร้อมกับจับตาการเปิดเผยดัชนี PCE ในวันนี้อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินแนวโน้มเงินเฟ้อและทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด

(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวก ที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และปิดบวกเป็นไตรมาสที่ 2 ติดต่อกัน หลังจากปรับตัวในช่วงแคบ ๆ ในสัปดาห์นี้ก่อนวันหยุดยาวสุดสัปดาห์ โดยตลาดจะปิดทำการในวันศุกร์นี้เนื่องในวัน Good Friday และจะปิดทำการในวันจันทร์หน้า (1 เม.ย.) เนื่องในเทศกาลอีสเตอร์

(0) ตลาดหุ้นเอเชีย ส่วนใหญ่ปิดทำการในวันนี้ ขณะที่ตลาดนิกเกอิปรับตัวขึ้นได้หลังจากมีทิศทางขาลงเมื่อวานนี้

(-) ค่าเงินบาท อ่อนค่า อยู่ที่บริเวณ 36.48 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ +0.30%

(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 1.82 ดอลลาร์ หรือ 2.24% ปิดที่ 83.17ดอลลาร์/บาร์เรล โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าอุปทานน้ำมันในตลาดโลกจะอยู่ในภาวะตึงตัว เนื่องจากกลุ่มโอเปกพลัส มีแนวโน้มที่จะยังคงดำเนินนโยบายลดกำลังการผลิต และโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานในรัสเซีย ยังคงถูกโจมตีอย่างต่อเนื่อง โดยวันนี้ตลาดปิดทำการเนื่องในวัน Good Friday

(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 25.70 ดอลลาร์ หรือ 1.16% ปิดที่ 2238.40 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยสัญญาทองคำปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นที่ 4 เนื่องจากตลาดยังคงได้ปัจจัยหนุนจากการที่เฟดส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนี PCE ในวันนี้ เพื่อประเมินแนวโน้มเงินเฟ้อและทิศทางอัตราดอกเบี้ยเฟด โดยวันนี้ตลาดปิดทำการเนื่องในวัน Good Friday

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 830.15/ –

- Advertisement -