Daily Focus: Domestic and Selective Play

2024 SET Target : 1470

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวลดลงโดยดัชนีปิดลบ 11.79 จุด ที่ระดับ 1,396.38 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่ยังค่อนข้างหนาแน่น 4.3 หมื่นลบ. โดยมีแรงขายทำกำไรออกมาหลังจากปรับตัวขึ้นแรงในช่วงก่อนหน้าเพื่อลดความเสี่ยงก่อนเข้าช่วงหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ ขณะที่ตลาดเริ่มไม่มั่นใจว่า FED จะลดดอกเบี้ยได้เร็ว สะท้อนผ่าน Bond Yield ที่ปรับขึ้น สถาบันในประเทศขายสุทธิในตลาด หุ้นอีก 728 ลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติพลิกมาขายสุทธิ 1.8 พันลบ. (และ Short Index Futures สูง ถึง 4.2 หมื่นสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index จะปรับตัวลงแรงชดเชยช่วงวันหยุดยาว หลังตลาดต่างประเทศเผชิญแรงขายอย่างรุนแรง โดยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวที่ 1,367-1,385 จุด โดยปัจจัยกดดันนอกเหนือจากประเด็นสงครามระหว่างอิสราเอล-อิหร่านที่ต้องติดตามว่าจะมีการตอบโต้เพิ่มเติมหรือไม่ คือแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของ FED ที่คาดว่าจะตึงตัวยาวนานมากขึ้นหลังตัวเลขเศรษฐกิจระยะหลังที่ออกมาแข็งแกร่งกว่าคาด รวมถึง Comment ล่าสุดของประธาน FED ที่ระบุว่าเงินเฟ้อสหรัฐฯยังชะลอไม่มากพอที่จะทำให้ FED มั่นใจว่าจะปรับลงสู่เป้าหมาย 2% ส่งผลให้ Bond Yield ขยับตัวขึ้นต่อเนื่องโดยอายุ 2 ปีใกล้แตะระดับ 5% ส่วน 10 ปีอยู่ที่ 4.68% ตลาดลดคาดการณ์การลดดอกเบี้ยของ FED เหลือไม่ถึง 2 ครั้งในปีนี้ อย่างไรก็ตามปัจจัยในประเทศยังมีความคาดหวังเชิงบวกจากทิศทางเศรษฐกิจที่จะทยอยเร่งตัวใน 2024 เป็นต้นไป ตามการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณปี 67 นโยบายดิจิทัลวอลเลตที่จะเริ่มใช้จ่ายใน 4Q24 ส่วนโอกาสลดดอกเบี้ยจากกนง.แม้จะน้อยลง แต่หากเกิดขึ้นจะเป็นปัจจัยหนุนเพิ่มเติมต่อตลาด ซึ่งสำหรับ SET Index ที่ปกติเป็น Leading Indicator ต่อภาพเศรษฐกิจและกำไรบจ.ราว 3-6 เดือน ทำให้เรายังคงมองว่าดัชนีมีแนวโน้มผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในช่วงก่อนหน้าและจะทยอยฟื้นตัวในช่วงที่เหลือของปี

กลยุทธ์ : เลือกหุ้นที่แนวโน้มกำไรปี 2024 แข็งแกร่งและเทรด PER/PBV ต่ำเทียบกับ Pre-Covid // ถือลงทุนหลังสะสมหุ้นเพิ่มบริเวณ 1,350+- จุด

หุ้นเด่นเดือน เม.ย.: BA, CPALL, CPN, ITC, TIDLOR

FSSIA Portfolio: AOT, BCH, CALL, CPN, GPSC, NSL, SHR, SJWD, and TIDLOR

หุ้นเด่นวันนี่ : ITC

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 27 บาท
  • แนวโน้มกำไร 1024 อาจทำได้ราว 742 ลบ. ลดลงเพียงเล็กน้อย q-q และ +75% Y-Y ดีกว่าก่อนหน้าที่เคยคาดไว้ 680 ลบ. เนื่องจากรายได้สินค้า Premium ฟื้นแรง กอปรกับต้นทุนปลาทูน่าลดลง อาจทำให้อัตรากำไรขั้นต้นขยับขึ้นทะลุกรอบเป้าหมายที่ 21-22%
  • คาดรายได้รวม 2Q24 อาจโตทั้ง q-q และ y-y จากคำสั่งซื้อล่วงหน้าที่เข้ามาซึ่งอาจช่วย หักล้างค่าเสื่อมที่จะสูงขึ้นได้ทั้งหมด มีความเป็นไปได้ที่กำไร 2Q24 อาจทะลุระดับ 800 ลบ.ได้อีกครั้ง เราเริ่มเห็น upside ต่อประมาณการปัจจุบันที่ 3.2 พันลบ. +39% y-y
  • แนวรับ 20.70-20.50//20 บาท แนวต้าน 21.70-22 บาท

Fund Flow : ช่วง 4 วันทำการที่ผ่านมา กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาคหนาแน่น US$2,917 พันล้าน โดยกระจุกตัวที่ไต้หวัน US$2,825 ล้าน ส่วนเกาหลีใต้ไหลเข้า US$225 ล้าน ขณะที่อาเซียนเม็ดเงินไหลออกทุกประเทศ ประเทศละ US$40-152 ล้าน นำโดยอินโดนีเซียและเวียดนาม โดยภาพรวมถูกกดดันจากทั้งความกังวลจากสงครามระหว่างอิสราเอล-อิหร่าน รวมถึง Bond Yield ที่พุ่งขึ้นหลังตลาดกังวลว่า FED จะลดดอกเบี้ยได้ช้ากว่าคาด

ประเด็นสำคัญวันนี้

(+) GDP จีน 1Q24 ดีกว่าตลาดคาด จีนรายงานตัวเลข GDP 1Q24 เติบโต 5.3% y-y เพิ่มขึ้นจาก 5.2% ใน 4Q23 และดีกว่าตลาดคาดไว้ที่ 5% ถือเป็นการเติบโตที่ดีหากเทียบกับคาดการณ์จีดีพีทั้งปี 2024 รัฐบาลจีนคาดเติบโตราว 5% โดยได้แรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและช่วงเทศกาลตรุษจีนทำให้ภาคการผลิตและค้าปลีกดันจีดีพีปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งจีดีพีจีนที่ดีกว่าคาดจะส่งผลบวกต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์และการส่งออกนำเข้าของไทย และเป็น Sentiment เชิงบวกต่อหุ้นกลุ่ม Commodities และส่งออกของไทย

(+/-) ราคาน้ำมันดิบยังมีโอกาสยืนอยู่สูง หลังเหตุการณ์อิหร่านใช้โดรนโจมดีอิสราเอลเมื่อ 15 เม.ย. ที่ผ่านมา แม้อิสารเอลยังไม่ตอบโต้ทางทหารอิหร่านทันที แต่นักลงทุนยังต้องจับตาท่าที่ของอิสราเอลอย่างใกล้ชิด เพราะหากมีการใช้ปฏิบัติการตอบโต้อิหร่านก็จะทำให้สถานการณ์ในตะวันดอกกลางตึงเครียดและรุนแรงมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันดิบในตลาด เพราะอิหร่านเป็นผู้ผลิตน้ำมันดิบอันดับ 3 ของกลุ่มโอเปก และผลิตน้ำมันดิบมากกว่า 3 ล้านบาร์เรลต่อวัน อีกทั้งสหรัฐอาจใช้มาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่ต่ออิหร่านในไม่นานนี้ก็เป็นได้ ดังนั้นเราจึงเชื่อว่าราคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้นในช่วงที่ผ่านมาได้สะท้อนความตรึงเครียดในตะวันกลางก่อนหน้านี้พอสมควรแล้ว ทำให้ราคาน้ำมันดิบไม่ได้ปรับขึ้นต่อหลังการโจมตีของอิหร่าน แต่สถานะการณ์ปัจจุบันยังมีความไม่แน่นอนสูง ราคาน้ำมันดิบน่าจะยังยืนอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องแต่ไม่น่าจะพุ่งเกิน 100 ดอลลาร์/บาร์เรล หุ้นในกลุ่มน้ำมันน่าจะยังได้ผลบวกต่อเนื่อง แต่จะส่งผลเชิงลบต่อเศรษฐกิจของประเทศที่นำเข้าน้ำมันดิบและต้นทุนภาคการขนส่งที่สูงขึ้น

(0) KTC คาดกำไรสุทธิ 1Q24 ที่ 1.78 พันลบ. +1% q-q, -5% y-y โดยรวมธุรกิจยังอ่อนแอรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่หดตัวลงจาก Loan yield ที่คาดว่าจะลดลง q-q จากผลของฤดูกาลขณะที่ Cost of funds ยังคงค่อยๆปรับตัวขึ้น กดดันให้ Loan spreads ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง ส่งผลให้ PPOP ทรงตัว q-q เราปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2024-26 ลง 3-4% โดยมีปัจจัยหลักจากคาดการณ์สินเชื่อที่ลดลงจากมาตรการปรับขึ้นขั้นต่ำยอดชำระบัตรเครดิตจาก 5% เป็น 8% ขณะที่คาดว่า NPL ratio จะค่อยๆไต่ระดับขึ้นสู่ 2.1% หลังการตัดหนี้สูญที่จะมากที่สุดในช่วง 1Q24 ตามการเปลี่ยนแปลงในนโยบายการตัดหนี้สูญ ได้ราคาเป้าหมายใหม่ 45 จากเดิม 46 บาท ยังคำแนะนำ “ถือ”

(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 63.86 จุด หรือ +0.17% ปิดที่ 37,798.97 จุด ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ต่างก็ปิดในแดนลบ หลังจากประธานเฟด ส่งสัญญาณว่าเฟดอาจจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานานกว่าที่คาดการณ์ไว้

(-) ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ การร่วงลงวันเดียวมากที่สุดในรอบ 9 เดือน โดยหุ้นกลุ่มเหมืองแร่และกลุ่มธนาคารนำตลาดร่วงลง เนื่องจากนักลงทุนพากันเทขายสินทรัพย์เสี่ยงเนื่องจากความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นในตะวันออกกลาง

(+) ตลาดหุ้นเอเชียเปิดบวก รีบาวน์ขึ้นหลังปรับตัวลดลง ณ สิ้นสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยในสัปดาห์นี้ นักลงทุนจับตามองรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของญี่ปุ่นและสิงค์โปร

(+) ค่าเงินบาทแข็งค่า อยู่ที่บริเวณ 36.68 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ -0.19%

(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 5 เซนต์ หรือ 0.06% ปิดที่ 85.36 ดอลลาร์/บาร์เรลเนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าการที่เฟด ตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานานจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและอุปสงค์น้ำมัน ในขณะที่เช้านี้ลดลงอยู่ที่ระดับ 84.95 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ -0.48%

(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 24.80 ดอลลาร์ หรือ 1.04% ปิดที่ 2,407.80ดอลลาร์/ออนซ์ โดยได้ปัจจัยหนุนจากการที่นักลงทุนเดินหน้าซื้อทองคำในฐานะ สินทรัพย์ที่ปลอดภัย ท่ามกลางสถานการณ์ดึงเครียดในตะวันออกกลาง ในขณะที่เช้านี้ลดลงอยู่ที่ระดับ 2,399.00 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ -0.37%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 830.18/ +0.21%

- Advertisement -