วันนี้คาดตลาด “Sideway Down”
แนวรับ 1,360 / 1,350 แนวต้าน 1,368 / 1,373
เมื่อวานนี้ตัวเลข Manufacturing activity ในภูมิภาค Mid-Atlantic ออกมาปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 15.5 จุดสะท้อนภาคการผลิตสหรัฐแข็งแกร่ง รวมทั้งตัวแรงงานสหรัฐแข็งแกร่งเช่นกัน คลายความกังวลเศรษฐกิจถดถอย อย่างไรก็ตาม กลับเป็นปัจจัยบ่งชี้ FED จะไม่เร่งปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง ส่งผลให้ Dollar Index และ US Bond Yield อยู่ในทิศทางแนวโน้มขา ขึ้นต่อไปกดด้นราคาสินทรัพย์เสี่ยงได้ อีกทั้งการอ่อนค่าของ ค่าเงินบาทลดทอนความน่าสนใจของ Fundflow เพิ่มเติม
Our View? “อ่อนแอ.. เปราะบาง…”
คาดตลาดวันนี้ “Sideway Down” มองแนวรับที่บริเวณ 1,360 / 1,350 และแนวต้านที่บริเวณ 1,373 / 1,382 เมื่อคืนนี้ธนาคารกลางสหรัฐ (FED)สาขา Philadelphia รายงานตัวเลขดัชนีภาคการผลิต (Manufacturing activity) ในภูมิภาค Mid-Atlantic ออกมาปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 15.5 จุดสูงกว่าที่ตลาดคาดไว้มาก บ่งชี้ภาคการผลิตในภูมิภาค Mid-Atlantic ขยายตัวได้อย่างแข็งแกร่ง ขณะที่การรายงานตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐเมื่อคืนนี้ออกมาอยู่ที่ระดับ 2.12 แสนตำแหน่ง น้อยกว่าตลาดคาด สะท้อนตลาดแรงงานสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง ปัจจัยดังกล่าวลดทอนความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มที่เศรษฐกิจสหรัฐจะเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอย อย่างไรก็ตามความแข็งแรงของตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐดังกล่าวสะท้อนความไม่จำเป็นต้องเร่งปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงของ FED สอดคล้องกับถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่ FED หลายท่านออกมาส่งสัญญาณว่า FED ไม่ควรเร่งปรับลด อัตราดอกเบี้ยจากระดับเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูง เรามองเป็นปัจจัยหนุนค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (Dollar Index)และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (US Bond Yield) ปรับตัวขึ้นได้อีกครั้ง ลดทอนความน่าสนใจในเชิงเปรียบเทียบสินทรัพย์เสี่ยง/สินทรัพย์ปลอดภัย คาดจะจำกัด Upside การฟื้นตัวของตลาดได้อยู่
ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ส่งมอบเดือน พ.ค. เมื่อคืนนี้แกว่งตัวผันผวนปิดที่ระดับ 82.73 ดอลลาร์/บาร์เรล +0.04 ดอลลาร์ (+0.05%) แม้จะเผชิญแรงขายทำกำไรกับรับรู้การรายงานตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐออกมามากกว่าคาดไปในช่วงก่อนหน้า อย่างไรก็ตามแนวโน้มในการที่สหรัฐจะประกาศไม่ต่ออายุใบอนุญาตผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรน้ำมันของเวเนซุเอลา คาดจะกระตุ้นความกังวล อุปทานน้ำมันดิบตึงตัวต่อไปหนุนทิศทางราคาน้ำมัน-หุ้นในกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นได้ต่อ
สำหรับปัจจัยภายในประเทศเรามองไม่มีปัจจัยใหม่เข้าสนับสนุนการฟื้นตัวขึ้น อย่างไรก็ตามแนวโน้มการอ่อนค่าของค่าเงินบาทตามการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐ โดยเช้านี้อยู่ที่ระดับ 36.8 THB/USD ในมุมมองเชิงเทคนิคคอลเรามองมีโอกาสขึ้นทดสอบ 37.2 THB/USD ได้ไม่ยาก คาดจะลดทอนความหวังแนวโน้มกระแสเงินทุนต่างชาติไหลเข้าได้ต่อ โดยนักลงทุนต่างชาติยังขายหุ้นไทย พร้อมอยู่ในฝั่ง Short SET50 Index Futures คาดเป็นปัจจัยจำกัด Upside ตลาดหุ้นไทยได้ต่อ
อีกทั้งเรายังคาดตลาดจะให้ความสนใจไปกับการรายงานผลประกอบการของหุ้นในกลุ่มธนาคารโดยล่าสุด Bloomberg Consensus กำไร 10’67 อยู่ที่ระดับ 5.89 หมื่นล้านบาท +17.0%QoQ แต่ทรงตัว YoY จากการที่ 40’66 มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานตามฤดูกาล ขณะที่เราคาดว่า กนง. ยังมีแนวโน้มจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 2.5% ต่อไปอีกระยะหนึ่ง อย่างไรก็ตามเมื่อวานนี้ผลประกอบการ BBL ที่ออกมาแย่กว่าที่ตลาดคาดราว 8% จาก NIM ลดลงและ NPL เพิ่มขึ้น อาจลดทอนแรงเก็งกำไรของหุ้นในกลุ่มธนาคารลงได้บ้าง
ธีมการลงทุน “Selective Play”
หุ้นแนะนำวันนี้ “TACC”
- เราคาดว่ากำไร 1Q’67 ยังอยู่ในภาพการฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่องตามยอดขาย ALL Cafe ที่เพิ่มขึ้นตามการท่องเที่ยวฟื้นตัวชัดเจนมากขึ้น รวมถึงได้รับปัจจัยบวกเชิงฤดูกาลจากอากาศร้อน ขณะที่เป็นไตรมาสแรกที่หยุดรับรู้ผลขาดทุนของ JV
- ทางเทคนิค ราคาแกว่งตัวออกด้านข้างหลัง Breakout แนว ต้านที่เส้นแนวโน้มขาลงก่อนหน้า ขณะที่เครื่องมือทางเทคนิค MACD และ SSTO พยายามฟื้นตัวขึ้น
- แนะนำ “สะสมรอเล่นรอบ”
- แนวรับ 4.80 / 4.70 Target 5.20 / 5.70 Stop <4.60