Daily Focus: Earnings and Selective Play
2024 SET Target : 1470
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ยังคงแกว่งตัว Sideways Up ได้ต่อเนื่อง ปิดบวกอีกเล็กน้อย 3.64 จุด ที่ระดับ 1,361.10 จุด แต่มูลค่าการซื้อขายบางล่งเหลือ 3.8 หมื่นลบ. กลุ่มที่หนุนตลาด ได้แก่ อิเล็กทรอนิกส์ ไฟแนนซ์ ค้าปลีก การแพทย์ เป็นต้น ส่วนกลุ่มที่ถ่วง คือ ปีโตรเคมี ขนส่งธนาคาร ปิโตรเคมี สถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติพลิกมาขายสุทธิในตลาดหุ้นบางๆ 133 ลบ.และ 456 ลบ. ตามลำดับ หลังจากซื้อหนาแน่นในช่วง 2-3 วันก่อนหน้า (แต่ต่างชาติยัง Long Index Futures อีก 9 พันสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index จะแกว่ง Sideways ในกรอบ 1,352-1,365 จุด หลังจากตอบรับเชิงบวกจากสถานการณ์สงครามที่ผ่อนคลายลงไปแล้วพอสมควร ขณะที่กลุ่มเทคโนโลยีวันนี้คาดถูกกดดันจากการร่วงลงของ META ตอบรับเชิงลบต่อ Guidance หลังประกาศงบ ยอดสังซื่อสินค้าคงทนสหรัฐฯ วานนี้ออกมายังใกล้เคียงกับที่ตลาดคาด ทำให้โฟกัสอยู่ที่ตัวเลข GDP 1Q24 สหัรฐฯคืนนี้ ตลาดคาด +2.5% q-q SAAR ซึ่งยังเป็นระดับที่แข็งแรง และหากออกมาสูงกว่าคาดจะกดดันโอกาสการลดดอกเบี้ยของ FED ในปีนี้ จากปัจจุบันที่ตลาดยังประเมินที่ราว 1-2 ครั้ง และอาจกดดันสินทรัพย์เสี่ยงจาก Bond Yield ที่จะสูงยาวนาน ส่วนปัจจัยในประเทศรอติดตามตัวเลขส่งออกเดือน มี.ค. สัปดาห์นี้ รวมถึงการทยอยคาดการณ์และประกาศผลประกอบการ 1Q24 ของฝั่ง Real Sector ที่จะทยอยหนาแน่นขึ้นในช่วง 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า กลยุทธ์เราจึงเน้นเลือกหุ้นเป็นรายตัวที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว มีแนวโน้มกำไรโดดเด่นกว่าตลาดและกระทบจากความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกจำกัด เรายังมองกลุ่ม Domestic Play ยังน่าสนใจ โดยคาดได้อานิสงส์เชิงบวกจากทิศทางเศรษฐกิจไทยที่จะทยอยเร่งตัวใน 2Q24-2H24 ตามการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณปี 67 นโยบาย Digital Wallet ที่จะเริ่มใช้จ่ายใน 4Q24
กลยุทธ์ : เลือกหุ้นที่แนวโน้มกำไร 1Q24 โดดเด่น // ส่วนที่สะสมไปแล้วบริเวณ 1,350+- ยังถือลงทุน
หุ้นเด่นเดือน เม.ย.: BA, CPALL, CPN, ITC, TIDLOR
FSSIA Portfolio: AOT, BCH, CPALL, CPN, GPSC, NSL, SHR, SJWD, and TIDLOR
หุ้นเด่นวันนี้ : BH
- แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 305 บาท
- กำไรสุทธิ 1Q24 ออกมาที่ 2 พันลบ. +15% q-q, +25% y-y ทำ New High และดีกว่าที่ตลาดคาดมาก แม้จะถูกกระทบจากช่วงรอมฎอรมากขึ้นในปีนี้ แต่ได้แรงหนุนจากฝั้งต้นทุนที่ต่ำกว่าคาด หนุน Margin ปรับตัวสูงขึ้น
- โมเมนตัมกำไร 2Q24 แม้จะอ่อนตัวลง q-q ตามฤดูกาล แต่ยังมีลุ้นโตได้ y-y ประมาณการกำไรปี 2024 ปัจจุบันที่ 7.4 พันลบ. +5% y-y ราคาหุ้นเทรด PER เพียง 25 เท่า ต่ำกว่า ค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 30 เท่า
- แนวรับ 226//222-221 บาท แนวต้าน 234//240//247 บาท
Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาคสุทธิหนาแน่น US$1,490 ล้าน นำโดยไต้หวันและเกาหลีใต้ US$1,056 ล้านและ US$488 ล้าน ตามลำดับ ส่วนอาเซียนเม็ดเงินไหลออกเกือบทุกประเทศราว US$10-32 ล้าน สูงสุดที่ฟิลิปปินส์ แต่อินโดนีเซียทรงตัว แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่าจะผสมผสานโดยรอติดตามตัวเลข GDP 1Q24 สหรัฐฯคืนนี้
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) SCC กำไรปกติ 1Q24 ที่ 2,425 ลบ. +383% q-q, -46% y-y ดีกว่าตลาดคาด 7% กำไรโต q-q เพราะใน 4Q23 มีการตั้งด้อยค่าโรงงานปูนซีเมนต์ในเมียนมาร์ ขณะที่ไตรมาสนี้ไม่มีรายการพิเศษ บวกกับผลการดำเนินงานดีขึ้นทุกธุรกิจ ทั้ง SCGP, SCGD, SCGC กำไรสู้ปีก่อนไม่ได้เพราะมีเคมีคอลยังฉุด และน่าจะยังลำบากทั้งปี กำไร 1Q24 คิดเป็น 11% ของคาดการณ์ทั้งปีของตลาด อาจเป็นกำไรต่ำสุดของปี แต่ต้องติดตามว่าโรงงานปิโตรที่เวียดนาม จะเปิดดำเนินการหรือไม่ในช่วงไหน ภายใต้ PE/PP-Naphtha ปัจจุบันยังไม่สามารถทำกำไรได้
(+) SHR คาดว่ากำไรปกติ 1Q24 ที่ 109 ลบ. (เทียบกับ 65 ลบ. ใน 4Q23) โดยเราคาดว่า ReVPAR ของโรงแรมในมัลดีฟส์จะโต 18% y-y ใน 1Q24 โดยได้ปัจจัยผลักดันจากค่าห้องรายวันเฉลี่ยที่ดี หลังตัวเลขนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น คาดกำไรปกติปี 2024 จะกระโดดเพิ่มเกือบ 3X เป็น 307 ลบ. จากการเติบโตของ RevPAR ของโรงแรมในมัลดีฟส์ ฟิจิและมอริเชียส คงราคาเป้าหมาย 4 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”
(+) MOSHI คาดกำไรสุทธิ 1Q24 ที่ 125 ลบ. -17% q-q, +46% y-y จากการเปิดร้าน Moshi เพิ่มอีก 9 สาขา เป็น 140 สาขา ณ สิ้น 1Q24 ด้าน SSSG +0.5% y-y อาจไม่สูงมากนัก เนื่องจากฐานสูงในปีก่อน แต่อัตรากำไรขั้นต้นยังอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง ล่าสุดบริษัทได้ปรับแผนการเปิดสาขาใหม่ปี 2024 ของร้าน Moshi Moshi จากเดิม 20 สาขา เป็น 30 สาขา ยังไม่ได้รวมในประมาณการของเรา เรายังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2024-26 เติบโตเฉลี่ยปีละ 27% ราคาเป้าหมาย 66 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”
(-) DOHOME คาดกำไรปกติ 1Q24 ที่ 245 ลบ. +70% q-q, -5% y-y ตาม SSSG ที่คาด – 11% แต่ชดเชยด้วย GPM คาด SSSG ฟื้นตัวขึ้นแต่ยังเป็นแดนลบใน 2Q24 ก่อนจะเป็นบวกใน 2H24 คงประมาณการกำไรปี 2024 ที่ 975 ลบ. +86% y-y โตแรงจากฐานที่ต่ำในปี 2023 แนวโน้มกำไรปกติจะเติบโต y-y ได้ในช่วงที่เหลือของปี จากที่ไม่มีการเคลียร์สต๊อกเหมือนใน 2Q23 และตามการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ แต่ปรับราคาเป้าหมายลงเป็น 11.80 บาท สะท้อนหุ้นปันผล ลดคำแนะนำเป็น “ถือ” จาก Upside ที่จำกัด
(-) GLOBAL คาดกำไรสุทธิ 1Q24 ที่ 730 ลบ. +30% q-q, -17% y-y จากกำลังซื้อต่างจังหวัดยังอ่อนแอและการเบิกจ่ายงบประมาณล่าช้า คาด SSSG ฟื้นตัวขึ้นแต่ยังเป็นแดนลบใน 2Q24 ก่อนจะเป็นบวกใน 2H24 ภายหลังการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ คงคาดกำไรสุทธิปี 2024 ที่ 3 พันลบ. +11% y-y และในปี 2025-26E เติบโตต่อเนื่อง 13% และ 15% ตามลำดับ แต่ปรับราคาเป้าหมายลงเป็น 17.30 บาท สะท้อนหุ้นปันผล ลดคำแนะนำเป็น “ถือ” จาก upside ที่จำกัด
(0) AP คาดกำไร 1Q24 ที่ 1 พันลบ. -25% q-q, -32% y-y ตามยอดโอนที่หดตัวจากแนวราบซบเซา รวมถึงอัตรากำไรขั้นต้นที่ปรับลงกลับสู่ระดับปกติ คาดยอด Presales และกำไรใน 1Q24 เป็นจุดต่ำสุดของปี หากกำไร 1Q24 ตามคาด จะคิดเป็น 16% ของประมาณการทั้งปีที่ 6.2 พันล้านบาท +2% y-y โดยคาด 1Q24 เป็นจุดต่ำสุดของปี ก่อนเร่งขึ้นใน 2Q24 q-q หนุนจากคอนโดสร้างเสร็จใหม่ 3 แห่ง คงราคาเป้าหมาย 13.20 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”
(-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 42.77 จุด หรือ -0.11% ปิดที่ 38,460.92 จุด เนื่องจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐส่งผลกระทบต่อการซื้อขายในตลาด และได้บดบังปัจจัยบวกจากรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน
(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบ โดยถูกกดดันจากหุ้นกลุ่มการเงินและกลุ่มธนาคารที่ร่วงลง หลังนักลงทุนผิดหวังกับการเปิดเผยผลประกอบการของธนาคารฮันเดิลสบังเกน (Handelsbanken) ของสวีเดน แต่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ปรับตัวขึ้นช่วยลดช่วงติดลบของตลาด หลังบริษัทเอเอสเอ็ม อินเทอร์เนชันแนล คาดการณ์ผลประกอบการที่แข็งแกร่ง
(0) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดทรงตัว หลังปรับตัวขึ้นได้ต่อเนื่องมา 2 วัน สอดคล้องกับวามเคลื่อนไหวของตลาดสหรัฐฯ
(-) ค่าเงินบาท อ่อนค่า อยู่ที่บริเวณ 37.10 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ +0.36%
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 55 เซนต์ หรือ 0.66% ปิดที่ 82.81 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งในตะวันออกกลาง นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังปรับตัวลงหลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูล ที่บ่งชี้ถึงการชะลอตัวของกิจกรรมทางธุรกิจ ในขณะที่เช้านี้ลบอยู่ที่ระดับ 82.65ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ -0.19%
(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 3.70 ดอลลาร์ หรือ 0.16% ปิดที่ 2,338.40 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางบรรเทาลง ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด ในขณะที่เช้านี้ลบอยู่ที่ระดับ 2,329.00 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ -0.40%
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 833.63/ 0.00%