บล.หยวนต้า (ประเทศไทย): 

STONEHENGE INTER คาดกำไรสุทธิ 3Q64 ฟื้นตัวเบาๆ QoQ 

Action

BUY (Maintain)

TP upside (downside) 26.25%

Close Oct 21, 2021 Price (THB) 8.00

12M Target (THB) 10.10

Previous Target (THB) 10.50

What’s new?

  • คาดกำไรสุทธิ 3Q64 อยู่ที่ 32.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% QoQ แต่ลดลง 19% YoY เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรค COVID-19 ทำให้การรับรู้รายได้ของบริษัทชะลอตัว
  • คาดผลประกอบการจะกลับมาฟื้นตัวในระดับปกติได้ใน 4Q64 เนื่องจากการผ่อนคลายมาตรการรัฐทำให้โครงการต่างๆสามารถกลับมาดำเนินการได้ตามปกติอีกครั้ง

Our view

  • ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2564 ลง 17% เป็น 145 ล้านบาท -3% YoY และคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2565 ที่ 168 ล้านบาท +16% YoY
  • ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ปรับไปใช้ราคาเหมาะสมปี 2565 ที่ 10.10 บาท มี Upside 26.3% โดยจุดเด่นของ STI คือ Backlog ยังทรงตัวได้ในระดับสูง และ PER2565 ยังต่ำเพียง 12.8 เท่า พ่วงปันผลราว 5-6% ต่อปี

คาดงบ 3Q64 ฟื้นตัว QoQ แต่ลดลง YoY

คาดกำไรสุทธิ 3Q64 ที่ 32.01 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 4% QoQ แต่ลดลง 19% YoY จากฐานที่สูงในปีก่อนและยังคงได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรค COVID-19 รวมถึงการปิดแคมป์คนงานก่อสร้างในเดือน ก.ค. 64 ส่งผลให้การรับรู้รายได้ของบริษัทชะลอตัวลง และมีรายจ่ายเพิ่มขึ้น แต่คาดผลประกอบการจะเริ่มฟื้นตัวกลับมาอยู่ในระดับปกติได้ใน 4Q64 จากการผ่อนคลายมาตรการคุม COVID-19 ของรัฐบาล ทำให้โครงการต่างๆกลับมาดำเนินการได้อย่างปกติอีกครั้ง

Backlog ยังทรงตัวในระดับใกล้เคียงเดิมได้

ปัจจุบัน STI มี Backlog รวมอยู่ที่ราว 4.1 พันล้านบาท เป็นของกลุ่ม STI ที่ 1.8 พันล้านบาท และ AEC ประมาณ 2.3 พันล้านบาท ซึ่งเป็นงานที่ครอบคลุมทั้งภาครัฐและเอกชนมีงานที่เพิ่งได้รับ คือ งานที่ปรึกษาโครงการสนามบินอู่ตะเภา มูลค่าโครงการราว 400 ล้านบาท ในส่วนงานรัฐบาลที่รอยื่นประมูลและคาดจะได้รับ ได้แก่ งานที่ปรึกษาโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงได้ และงานที่ปรึกษาโครงการรถไฟรางคู่สายเหนือเด่นชัย-เชียงราย และสายอีสานบ้านไผ่-นครพนม คาดว่าจะเริ่มประมูลได้ภายใน 1Q65 รวมมูลค่า 3 โครงการราว 1.0 พันล้านบาท

ปรับประมาณการกำไรสุทธิปีนี้ลงเหลือ 145 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยจากปีก่อนหน้า

เราปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2564 ลง 17% เป็น 145 ล้านบาท ลดลง 3% YoY (จากเดิมคาด 175 ล้านบาท) จากผลกระทบของสถานการณ์ COVID-19 ที่รุนแรงในปีนี้ ทำให้การรับรู้รายได้ของบริษัทลดลงอย่างมาก และมีค่าใช้จ่ายในการดูแลพนักงานเพิ่มขึ้น อีกทั้งงานประมูลโครงการใหม่ๆ ยังมีการเลื่อนออกไปรวมถึงภาคเอกชนชะลอการลงทุนลงด้วย แต่คาดกำไรสุทธิจะกลับมาโตได้ 16% YoY เป็น 168 ล้านบาทในปี 2565 ซึ่งเรายังคาดหวังภาครัฐเร่งอนุมัติโครงการลงทุนใหม่ และตรวจรับโครงการเดิมเพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจทางอ้อมผ่านนโยบายการคลัง อีกทั้งเราคาดว่างานภาคเอกชนจะเริ่มกลับมาลงทุนได้อีกครั้งในปี 2565 โดยเฉพาะกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่คาดว่าอุปสงค์จะเพิ่มขึ้นหลัง ธปท. ผ่านคลายมาตรการ LTV

ยังคงคำแนะนํา “ซื้อ” Valuation ไม่แพง

เราปรับไปใช้ราคาเป้าหมายปี 2565 ได้ราคาเหมาะสมใหม่ที่ 10.10 บาท ซึ่ง PER ที่ 16 เท่ายังมี Upside จากราคาปัจจุบันราว 26% ในเชิง Valuation ถือว่าอยู่ในโซนที่ไม่แพง โดยราคาหุ้น STI ซื้อขายบน PER2565 ที่ 12.8 เท่า เทียบกับค่าเฉลี่ยระยะยาวของกลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่ 25 เท่า เราจึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” โดยมีปัจจัยสนับสนุนคือ (1) ผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว (2) งานในมือยังทรงตัวในระดับสูงที่สุดของอุตสาหกรรมทำให้ผลประกอบการมีโอกาสเร่งตัวเมื่อสถานการณ์ COVID-19 คลี่คลาย (3) Valuation ไม่แพงปันผลสูง 5-6% ต่อปี และมี Upside จากการ Spin-off บริษัทลูกในอนาคต รวมถึงการขยับตัวเองเข้าไปอยู่ใน SET ตามจังหวะเวลาที่เหมาะสม

- Advertisement -