บล.หยวนต้า (ประเทศไทย): 

ILM ผ่านจุดต่ำสุด …. แต่ Upside จำกัด …

Action

Trading (Downgrade)

TP upside (downside) 0.00%

Close Oct 21, 2021 Price (THB) 17.40

12M Target (THB) 17.40

Previous Target (THB) 15.00

What’s new?

  • คาด 3Q64 กำไรสุทธิ 45 ล้านบาท ปรับตัวลง -55.18% QoQ, -68.90% YoY ถูกกดดันจากการต้องปิดทำการ 13 สาขา จากทั้งหมด 35 สาขา เป็นเวลาราว 2 เดือน ตามมาตรการของภาครัฐ
  • แนวโน้ม 4Q64 คาดฟื้นตัว QoQ จากฐานที่ต่ำในไตรมาสก่อนหน้า และจากการที่ภาครัฐมีการทยอยผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดตั้งแต่ช่วงเดือน ก.ย.

Our view

  • ปรับกำไรสุทธิปี 2565 ลงเป็น 586 ล้านบาท เติบโต 17% YoY แต่เรายังคงมุมมองเป็นบวกจาก 1) การรุกช่องทางออนไลน์อย่างต่อเนื่อง 2) ควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีหนุนอัตรากำไรขยายตัว 3) เริ่มมีการทำ Local OEM 4) จับมือกับพันธมิตรทำให้สามารถขายสินค้าที่หลากหลายมากขึ้น
  • ปรับใช้ราคาเหมาะสมปี 2565 ที่ 17.40 บาท อิง PER 15 เท่า ซึ่งเป็นระดับที่ใกล้เคียงกับราคาหุ้นในปัจจุบันจึงแนะนำเพียง “TRADING”

กําไรอ่อนตัวลง QoQ

คาดกำไรสุทธิ 3Q64 ลดลงทั้ง QoQ และ YoY อยู่ที่ 45.27 ลบ. (-55.18% QoQ, -68.90% YoY) เนื่องจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของ COVID-19 สายพันธุ์เดลต้าที่มีความรุนแรง ส่งผลให้ภาครัฐมีการออกมาตรการ Lockdown หลายพื้นที่โดย ILM ต้องปิดทำการ 13 สาขาจากทั้งหมด 35 สาขาเป็นเวลา 2 เดือน ซึ่งกระทบต่อรายได้จากค่าเช่าคาดปรับตัวลง -14.00% QoQ และ -9.70% YoY เนื่องจากบริษัทลดค่าเช่าบางส่วนเพื่อช่วยเหลือผู้เช่าที่ได้รับผลกระทบ อย่างไรก็ดี รายได้จากการขายจะได้แรงหนุนจากยอดขาย Online ที่คาดทำสถิติสูงสุดใหม่จากการที่ ILM หันมาโฟกัสช่องนี้มากขึ้น และพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ตอบรับช่องทางนี้อย่างรวดเร็ว ทำให้คาดรายได้รวมที่ 1,826 ล้านบาทลดลง -10.00% QoQ, -8.00% YoY ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นคาดปรับตัวลงจาก 49.56% ใน 3Q63 เป็น 44.00% ใกล้เคียงกับ 2Q64 เพราะสัดส่วนรายได้ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูง เช่น ค่าเช่าปรับตัวลง ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารคาดลดลง 3.57% QoQ และ 7.22% YoY เหลือ 701 ล้านบาท จากแผนควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างเข้มงวด แต่ยังลดลงในอัตราที่น้อยกว่ารายได้ จึงทำให้คาดอัตรากำไรสุทธิลดลงเหลือ 2.48% จาก 4.97% ใน 2Q64 และ 7.37% ใน 3Q63

ไตรมาส 4 เข้าสู่การฟื้นตัว

แนวโน้มผลประกอบการ 4Q64 คาดฟื้นตัว QoQ จากฐานที่ในไตรมาสก่อนหน้า และจากสถานการณ์ COVD-19 ในประเทศที่คลายตัวลง ส่งผลให้ภาครัฐเริ่มมีการทยอยผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ตั้งแต่ช่วงเดือน ก.ย.  หนุนให้รายได้จากค่าเช่าที่ถูกกดดันใน 2 ไตรมาสที่ผ่านมาเริ่มฟื้นตัวเช่นเดียวกับรายได้จากการขายที่คาดยังคงได้แรงหนุนจากช่องทาง Online อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามมาตรการกระตุ้นการอุปโภคบริโภคของภาครัฐและกำลังซื้อของภาคครัวเรือนว่าจะฟื้นตัวในช่วง High Season ที่จะถึงนี้ได้เร็วหรือไม่ด้วย

ประมาณการปี 2565 ลง แต่คาดยังโตสูงจากฐานต่ำ

ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2565 ลงเหลือ 586 ล้านบาท โต 17% YoY จากเดิมคาด 644 ล้านบาท จากการปรับรายได้ขายสินค้าและบริการลง โดยปรับลดรายได้จากการขายผ่านช่องทางหน้าร้านและรายได้จากงานโครงการ ซึ่งถูกกระทบจากกำลังซื้อที่ยังอ่อนแอ แต่เรายังคงมุมมองบวกจาก 1) ช่องทางออนไลน์ที่สามารถสร้างสถิติสูงสุดใหม่ได้ต่อเนื่อง 2) การควบคุมค่าใช้จ่ายโดยการปรับปรุงกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพ 3) เริ่มมีการทำ Local OEM ให้กับ Home Improvement รายใหญ่ ซึ่งคาดว่าในอนาคตจะมาช่วยหนุนรายได้อย่างมีนัยสำคัญ 4) การจับมือกับพันธมิตรปรับเปลี่ยนรูปแบบการขายสินค้าที่หลากหลายมากขึ้น

ราคาปัจจุบันไม่เหลือ Upside แล้ว ปรับลดคำแนะนำลงเป็น Trading

ผลจากการปรับประมาณการลง และปรับใช้ราคาเหมาะสมปี 2565 ทำให้ได้ราคาเหมาะสมใหม่ที่ 17.40 บาท/หุ้น อิง PER 15 เท่า แต่เนื่องจากราคาปัจจุบันไม่เหลือ Upside ให้ซื้อ เราจึงปรับลดคำแนะนำลงเป็น “TRADING”

- Advertisement -