บล.หยวนต้า (ประเทศไทย): 

BANPU POWER PLC ถ่านหินและการซ่อมบำรุงทำกำไร 3Q64 ชะลอตัว

Action

BUY (Maintain)

TP upside (downside) +27.4%

Close Oct 21, 2021 Price (THB) 17.50

12M Target (THB) 22.30

Previous Target (THB) 22.30

What’s new?

  • คาดกำไรปกติ 3Q64 ที่ 620 ล้านบาท (-40.0% QoQ, -12.4% YoY) ถูกกดดันจากการปิดซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้าหงสา และราคาถ่านหินที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
  • กำไรปกติ 4Q64 มีแนวโน้มฟื้นตัว QoQ ได้รับแรงหนุนจาก 1) โรงไฟฟ้าหงสาที่กลับมาดำเนินงานแบบเต็มกำลัง 2) การเข้าสู่ฤดูหนาวจะส่งผลให้ปริมาณขายไฟฟ้าและไอน้ำของโรงไฟฟ้า CHP ในจีนเริ่มปรับตัวสูงขึ้น และ 3) การ COD โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 3 โครงการรวม 60MW

Our view

  • ผลกระทบจากราคาถ่านหินส่งผลต่อโรงไฟฟ้าถ่านหินในจีนรวม 4 โครงการ คิดเป็นสัดส่วนราว 34% ของกำลังผลิตรวม โดยผลกระทบบางส่วนสามารถชดเชยได้จากปริมาณขายไอน้ำที่สูงขึ้นในช่วงหน้าหนาว
  • คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 22.30 บาทต่อหุ้น มี Upside 27.4% โดยมี Upside Risk จากการเข้าลงทุนในโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Temple ในสหรัฐฯ ซึ่งยังไม่ได้รวมไว้ในประมาณการ โดยคาดจะเสร็จสิ้นในช่วง 1Q65 และจะเริ่มรับรู้รายได้ทันที รวมถึงโอกาสในการลงทุนโรงไฟฟ้าอื่นเพิ่มเติมในปี 2565

คาดผลประกอบการ 3Q64 ชะลอตัวจากการปิดซ่อมและราคาถ่านหินที่สูงขึ้น

คาดกำไรปกติ 3Q64 ที่ 620 ล้านบาท (-40.0% QoQ, -12.4% YoY) ลดลง QoQ อย่างมีนัยสำคัญจาก 1) ส่วนแบ่งกำไรจากโครงการโรงไฟฟ้าหงสาที่ลดลงจาก 1,112 ล้านบาทใน 2Q64 มาอยู่ที่ระดับ 760 ล้านบาทใน 3Q64 จากการปิดซ่อมบำรุงหน่วยการผลิตที่ 1 และ 3 2) ส่วนแบ่งขาดทุนของโครงการโรงไฟฟ้า SLG ที่ 80 ล้านบาท เทียบกับส่วนแบ่งขาดทุน 42 ล้านบาทใน 2Q64 อันเป็นผลมาจากราคาถ่านหินที่ปรับตัวสูงขึ้น QoQ และ 3) การออกจากช่วง High Season ของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ส่งผลให้ BNEXT มีผลขาดทุนมากขึ้น ในขณะที่การชะลอตัว YoY เป็นผลมาจาก 1) ราคาถ่านหินที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เป็นปัจจัยกดดันผลประกอบการของโรงไฟฟ้า CHP ทั้ง 3 โครงการในจีน และ 2) การรับรู้ผลขาดทุนจากโครงการโรงไฟฟ้า SLG ที่ COD ในช่วง 3Q64 (เดินเครื่อง 1 หน่วยการผลิต)

แนวโน้มกําไรปกติ 4Q64 ฟื้นตัว QoQ

กำไรปกติ 4Q64 มีโอกาสฟื้นตัว QoQ จาก 1) การกลับมาดำเนินงานอย่างเต็มประสิทธิภาพของโรงไฟฟ้าหงสาหลังมีการปิดซ่อมบำรุงในช่วง 3Q64 2) การเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาวในจีนส่งผลให้ปริมาณขายไฟฟ้าและไอน้ำของโรงไฟฟ้า CHP ในจีนเพิ่มขึ้น QoQ 3) โครงการโรงไฟฟ้า SLG มีโอกาสที่จะเริ่มผลิตไฟฟ้าอย่างเต็มกำลัง (2 หน่วยการผลิต) 4) การปรับปรุงประสิทธิภาพของโรงไฟฟ้า IGCC Nakoso จะเสร็จสิ้นในช่วงกลาง 4Q64 ซึ่งจะส่งผลให้ความสามารถในการผลิตไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้น และ 5) บริษัทฯ มีกำหนด COD โครงการโรงไฟฟ้าอีก 3 โครงการในช่วง 4Q64 ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Kesennuma (20MW) โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Shirakawa (10MW) และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในเวียดนาม (3OMW)

ราคาถ่านหินกดดันแค่ในระยะสั้น

ราคาถ่านหินปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากวิกฤติพลังงานในจีน และการเข้าสู่ฤดูหนาวโดยส่งผลกระทบกับผลกำไรของโครงการโรงไฟฟ้าของ BPP 4 โครงการ (Zhengding, Zouping, Luannan, และ SLG) คิดเป็นสัดส่วน 34% ของกำลังผลิตรวม ซึ่งผลกระทบบางส่วนถูกชดเชยได้จากปริมาณขายไอน้ำที่จะสูงขึ้นในช่วงหน้าหนาว (ราคาขายไอน้ำมีการปรับง่ายกว่าราคาขายไฟฟ้า) รวมถึงโอกาสปรับราคาขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้นใน 4Q64 ของทางการจีนหลังราคาต้นทุนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ คงราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2564 ที่ 22.30 บาทต่อหุ้น มี Upside +27.4% และมี Upside Risk จากการเข้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Temple (384MWe) ซึ่งยังไม่ได้รวมไว้ในประมาณการ โดยคาดจะเสร็จสิ้นในช่วง 1Q65 และเริ่มรับรู้รายได้ทันที นอกจากนี้ยังมีโอกาสที่ BPP จะเข้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าอื่นเพิ่มเติม ในปี 2565 โดยอาจเป็นโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในสหรัฐฯ หรือโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินที่มีเทคโนโลยี HELE ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางของ BPP

- Advertisement -