Daily Focus: Earnings and Selective Play 

2024 SET Target : 1470

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่ง Sideways ตามคาด โดยยังคงขยับตัวขึ้นได้อีกเล็กน้อย ปิดบวกอีก 3.17 จุด ที่ระดับ 1,364.27 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.1 หมื่นลบ. ภาพรวมการแกว่งตัวค่อนข้างจำกัด เนื่องจากรอติดตามตัวเลข GDP 1Q24 สหรัฐฯ สถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติพลิกมาซื้อสุทธิในตลาดหุ้น 376 ลบ.และ 1.8 พันลบ. ตามลำดับ (และต่างชาติ Long Index Futures อีก 2.2 หมื่นสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index จะยังคงแกว่ง Sideways ในกรอบ 1,358-1,370 แม้บรรยากาศการลงทุนจะมีแรงกดดันจากฝั่งสหรัฐฯ ที่ปรับตัวลง หลังประกาศตัวเลข GDP 1Q24 ออกมาต่ำกว่าคาดที่ +1.6% q-q SAAR (ตลาดคาด +2.5% q-q SAAR) ขณะที่เงินเฟ้อ Core PCE 1Q24 ออกมาสูงกว่าที่ที่ +3.7% annualized (ตลาดคาด +3.4%) ทำให้เกิดความกังวลต่อภาวะ Stagflation ซึ่งส่งผลให้ Bond Yield ขยับตัวขึ้นโดยล่าสุดอายุ 2 และ 10 ปี อยู่ที่ 5% และ 4.7% ตามลำดับ จากความกังวล FED อาจลดดอกเบี้ยได้ช้าและเลื่อนเป็นช่วงปลายปี อย่างไรก็ตาม ปัจจัยกดดัน GDP สหรัฐฯอาจไม่ได้น่ากังวลนัก เนื่องจากเกิดจากส่วนของ Inventory ที่ลดลงและการนำเข้าที่สูงขึ้น โดยปัจจัยที่ต้องติดตามคืนนี้คือตัวเลขเงินเฟ้อ Core PCE เดือน มี.ค. ตลาดุคาด +0.3% m-m, +2.6% y-y ส่วนปัจจัยในประเทศรอติดตามตัวเลข ส่งออกเดือน มี.ค. ที่คาดประกาศในวันนี้หรือต้นสัปดาห์หน้า รวมถึงการทยอยคาดการณ์และประกาศผลประกอบการ 1Q24 ของฝั่ง Real Sector ที่จะทยอยหนาแน่นขึ้นในช่วง 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งโดยรวมคาดเห็นการฟื้นตัวที่ค่อนข้างดี กลยุทธ์เราจึงเน้นเลือกหุ้นเป็นรายตัวที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว มีแนวโน้มกำไรโดดเด่นกว่าตลาดและกระทบจากความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกจำกัด เรายังมองกลุ่ม Domestic Play ยังน่าสนใจ โดยคาดได้อานิสงส์เชิงบวกจาก ทิศทางเศรษฐกิจไทยที่จะทยอยเร่งตัวใน 2Q24-2H24 ตามการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณปี 67 นโยบาย Digital Wallet ที่จะเริ่มใช้จ่ายใน 4Q24

กลยุทธ์ : เลือกหุ้นที่แนวโน้มกำไร 1Q24 โดดเด่น // ส่วนที่สะสมไปแล้วบริเวณ 1,350+- ยังถือลงทุน

หุ้นเด่นเดือน เม.ย.: BA, CPALL, CPN, ITC, TIDLOR

FSSIA Portfolio: AOT, BCH, CPALL, CPN, GPSC, NSL, SHR, SJWD, and TIDLOR

หุ้นเด่นวันนี้ : CPN

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 83 บาท
  • เรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อผลการดำเนินงานของ CPN ในช่วงปี 2024-26 จากธุรกิจศุนย์การค้าที่ยังคงแข็งแกร่ง ขณะที่อีกแรงหนุนการเติบโตจะมาจากธุรกิจ Residential ตามแผนเปิด 10 โครงการใหม่ในปี 2024
  • ระยะสั้นคาดกำไร 1Q24 ยังแข็งแกร่ง โดย CPN มีการเปิดศูนย์การค้าใหม่ 2 แห่ง ที่นครสวรรค์และนครปฐมใน 1Q24 และในปี 2025 มีแผนเปิดเพิ่มที่กระบี่และ Dusit Central Park คาดหนุนรายได้ค่าเช่าเติบโตต่อเนื่อง เราคาดกำไรปกติปี 2024-26 เติบโตเฉลี่ย 8% ต่อปี ราคาหุ้นเทรด PER ต่ำเพียง 17.5 เท่าเทียบกับอดีตที่กว่า 20 เท่า
  • แนวรับ 61-60.50 บาท แนวต้าน 65//67-68 บาท

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนพลิกมาไหลออกจากภูมิภาคสุทธิหนาแน่น US$1,310 ล้าน นำโดยไต้หวันและเกาหลีใต้ US$877 ล้านและ US$385 ล้าน ตามลำดับ จาก Sentiment ลบในกลุ่มเทคโนโลยีจากตัว META ที่ปรับลงแรง ส่วนอาเซียนเม็ดเงินผสมผสาน ไหลออกจากอินโดนีเซียสูงสุด US$80 ล้าน แต่เข้าไทยสูงสุด US$49 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่าจะยังค่อนไปในทิศทางไหลออกหลังตัวเลข GDP สหรัฐฯแผ่วกว่าคาด ขณะที่ Core PCE สูงกว่าคาดใน 1Q24

ประเด็นสำคัญวันนี้

(+) TIDLOR คาดกำไรสุทธิ 1Q24 ที่ 1 พันลบ. +16% q-q, +9% y-y หลักๆ มาจากการตั้งสำร้อง ECL ที่ลดลง และสินเชื่อเติบโต 3% q-q, 21% y-y สอดคล้องกับ guidance บริษัทขณะที่ loan spread ปรับลงเล็กน้อย และ cost of fund ยังเป็นขาขึ้น ส่วนด้านคุณภาพสินทรัพย์ยังคงเป็นบวกต่อเนื่อง คาด NPL ratio ทรงตัวอยู่ที่ 1.47% ตาม guidance บริษัท ปี 2024 เรายังคาดกำไรสุทธิปี 2024-26 เต็บโตเฉลี่ย +20% CAGR ราคาเป้าหมาย 27 บาท แนะนำ “ซื้อ”

(+) ILM คาดกำไรสุทธิที่ 198 ลบ. +1% q-q, +14% y-y แตะระดับสูงสุดใหม่ หนุนจากยอดขายทั้งหน้าร้านและออนไลน์ รวมถึงรายได้ค่าเช่าจ่าย LittleWalk กรุงเทพกรีฑา แนวโน้ม 2Q24 คาดโตต่อ รวมถึงแผนการเปิดสาขาเพิ่มในครึ่งหลังของปี 2024 เรายังคงคาดกำไรสุทธิปี 2024E ที่ 786 ลบ. +8% y-y และปี 2025-26E เติบโตต่อเนื่องที่ 9% และ 6% ตามลำดับ ปัจจุบัน Valuation ยังไม่แพง เทรดบน 2024PER เพียง 13 เท่า ราคาเป้าหมาย 26.70 บาทแนะนำ “ซื้อ”

(+) SAV คาดกำไรสุทธิ 1Q24 ที่ 98 ลบ. เทียบกับ 31 ลบ. ใน 1Q23 แตะระดับสูงสุดใหม่ก่อนโควิด จากจำนวนเที่ยวบินที่เพิ่มทั้งขึ้น-ลงในกัมพูชาและ Overflight นอกจากนี้ AirAsia กัมพูชา ที่จะเริ่มเปิดบริการบินในประเทศกัมพูชาตั้งแต่ พ.ค. 2024 จะช่วยเพิ่มปริมาณเที่ยวบินภายในประเทศของกัมพูชาอย่างมินัยสำคัญ แม้เราจะปรับลดประมาณการกำไรปกติปี 2024-26 ลงเล็กน้อย แต่กำไรปกติปี 2024 ยัง +56% y-y. ได้ราคาเป้าหมายใหม่ 25 บาท ระยะสั้นคาดหวังการลงทุนใหม่ในลาวใน 2024 ยังแนะนำ “ซื้อ”

(0) TOA คาดกำไรปกติ 1Q24 ที่ 662 ลบ. -3% q-q แต่ +2% y-y กดดันจากการหดตัวของยอดขายต่างประเทศตามความต้องการใช้สียังซบเซา โดยเวียดนามยังไม่ฟื้นตัวและมีวันหยุดยาวในเทศกาล TET รวมถึงเมียนมาร์ที่มีสถานการณ์ความไม่สงบในประเทศ แต่อัตรากำไรขั้นต้นยังยืนระดับสูง 34.2% จากต้นทุนราคา TiO2 ลดลง แนวโน้ม 2Q24 คาดชะลอลงจาก ปัจจัยฤดูกาลและราคาวัตถุดิบสูงขึ้น คงประมาณการกำไรปกติปี 2024 ทรงตัวสูง y-y ที่ 2.6 พันลบ. และราคาเป้าหมาย 29.50 บาท แนะนำ “ซื้อ”

(0) PTTEP รายงานกำไรสุทธิ 1Q24 ที่ 1.87 หมื่นลบ. +2% q-q แต่ -3% y-y ตามตลาดคาด โดยปริมาณการขายปิโตรเลี่ยม -0.3% q-q จากแหล่งแอลจีเลี่ยมีกำลังผลิตลดลงมากกว่าการเพิ่มขึ้นในแหล่งเอราวัณ แต่ +3% y-y ขณะที่ราคาขายปิโตรเลียมเฉลี่ย -2% q-q และ -6%y-y ตามราคาน้ำมันดิบดูไบและราคาก๊าซฯ ที่ปรับลง แนวโน้ม 2Q24 PTTEP คาดมีปริมาณการขายปิโตรเลียมเพิ่มขึ้น G-Q, y-y จากกำลังผลิตของแหล่งเอราวัณที่ปรับขึ้น ขณะที่คาดว่าราคาขายปิโตรเลียมเฉลี่ยจะทรงตัว q-q คงประมาณการและราคาเป้าหมาย 179 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”

(-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 375.12 จุด หรือ -0.98% ปิดที่ 38,085.80 จุด หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลข GDP ที่ขยายตัวต่ำกว่าคาด และตัวเลขเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้นในไตรมาส 1/2567 นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากแรงขายหุ้นที่มีทุนจดทะเบียนสูง หลังจากบริษัทเมตาแพลตฟอร์มเปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวัง

(-) ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ โดยได้รับผลกระทบจากการเปิดเผยผลประกอบการที่ซบเซาของบริษัทจดทะเบียนในยุโรป และบรรยากาศการซื้อขายยังถูกกระทบจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอกว่าคาดของสหรัฐ

(0) ตลาดหุ้นเอเชียเปิดทรงตัว โดยนักลงทุนจับตามองผลการประชุมของ BoJ และรายงานอัตราเงินเฟ้อ เพื่อประเมินทิศทางของอัตราดอกเบี้ยนโยบาย

(+) ค่าเงินบาทแข็งค่า อยู่ที่บริเวณ 37.03 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ -0.12%

(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 76 เซนต์ หรือ 0.92% ปิดที่ 83.57ดอลลาร์/บาร์เรล โดยได้แรงหนุนจากการที่นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐแสดงความเห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังปรับตัวขึ้นท่ามกลางความวิตกกังวลว่าอุปทานน้ำมันในตะวันออกกลางอาจจะได้รับผลกระทบจากการที่อิสราเอลโจมตีเมืองราฟาห์ในฉนวนกาซา ในขณะที่เช้านี้บวกอยู่ที่ระดับ 83.86 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ +0.35%

(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 4.10 ดอลลาร์ หรือ 0.18% ปิดที่ 2,342.50 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ นอกจากนี้การที่สหรัฐเปิดเผยตัวเลข GDP ที่ขยายตัวต่ำในรอบเกือบ 2 ปียังส่งผลให้นักลงทุนเข้าซื้อทองค่ำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง ในขณะที่เช้านี้ลบอยู่ที่ระดับ 2,342.10 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ -0.02%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 834.78/ +0.14%

- Advertisement -